แกนนำเยาวชนยื่นนายก ค้านพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เผยผลสำรวจปี 66 เยาวชนเป็นเหยื่อพนันออนไลน์แล้วเกือบ 3 ล้านคน พบ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่

แกนนำเยาวชนยื่นนายก ค้านพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เผยผลสำรวจปี 66 เยาวชนเป็นเหยื่อพนันออนไลน์แล้วเกือบ 3 ล้านคน พบ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่  โวยรัฐไม่เคยจริงใจป้องกันแก้ไข ยังซ้ำเติมสร้างปัญหาเพิ่ม พร้อมร่วมกันวางดอกไม้จันทร์อาลัยนโยบายมอมเมาสังคม  

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล  แกนนำเยาวชนจากเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน  และเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กว่า 30 คน  ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี นางสาวแพรทองธาร  ชินวัตร  เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย  ที่รัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าโดยอ้างว่าจะแก้ไขปัญหาพนันที่ผิดกฎหมาย  นำเม็ดเงินมาพัฒนาประเทศ หรือให้ทุนการศึกษา  โดยในตอนท้ายของกิจกรรม  เครือข่ายได้ร่วมกันวางดอกไม้จันทน์ เพื่อแสดงความอาลัยต่อนโยบายมอมเมาทำลายสังคม  ทำร้ายเด็กและเยาวชน  ทั้งนี้ นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับหนังสือแทน

นางสาววศิณี สนแสบ ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีแนวนโยบายให้การพนันออนไลน์เป็นสิ่งถูกกฎหมาย โดยเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 เพิ่มเติมนิยามของการพนันและการพนันออนไลน์  และให้เจ้าพนักงานสามารถอนุญาตจัดให้เล่นพนันออนไลน์ได้   พร้อมกันนี้ได้กำหนดอำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติ รวมทั้งกำหนดโทษแก่ผู้จัดให้เล่นและผู้เล่นพนันออนไลน์   และได้ดำเนินการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางอินเตอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พร้อมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน มีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง  ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยเข้าถึงการพนันจำนวนมาก  ดังข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ถึงประมาณ 739,000 คน  นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆจากรัฐบาลเลย  

นางสาววาศิณี กล่าวต่อว่าเครือข่ายจึงขอแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวนโยบายด้วยเหตุผล ดังนี้ 1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้  โดยหวังสร้างรายได้ให้แก่รัฐ  เป็นความคิดที่เห็นแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยมิได้คำนึงถึงผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว  2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้   ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์  และ 3. การอ้างว่าการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย  เป็นการคิดฟุ้งฝันที่ปราศจากการคำนึงถึงความเป็นจริงว่า การที่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน   ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนการมอบยาแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ เครือข่ายเยาวชนหวังว่านายกรัฐมนตรีจะทบทวนแนวนโยบายดังกล่าว” นางสาววศิณี กล่าว

ด้านนายบดินทร์ชัย  บุญปก แกนนำเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ม.รามคำแหง กล่าวว่าตนมีโอกาสได้เจอคนที่ติดพนันออนไลน์จนเสียผู้เสียคน และพบว่ามันยากมากที่จะออกจากวงจร  กลายเป็นคนที่ชอบโกหกสร้างเรื่อง  หลอกลวงและจบลงด้วยการปล้นจี้ สุดท้ายก็ถูกจับสิ้นอิสระภาพ ส่วนตัวไม่เชื่อเลยว่าการมีพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย หรือกาสิโนถูกกฎหมายแล้ว  มันจะทำให้พนันออนไลน์ หรือบ่อนพนันเถื่อนจะลดลงหรือหายไปอาจจะชะงักไปช่วงหนึ่งบ้างแต่หลังจากนั้นทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม  ประชาชนไม่เชื่อมั่นสิ่งที่รัฐทำ ดูอย่างสลากกินแบ่งรัฐบาลที่อ้างว่าต้องพิมพ์เพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาสลากแพง  พิมพ์เพิ่มจาก 30 ล้านฉบับ จนเป็น 100 ล้านฉบับสุดท้ายสลากก็ยังราคาแพงอยู่ดี  มันเป็นเพียงข้ออ้างที่ตั้งใจจะมอมเมากันมากกว่า  

“เรื่องนโยบายพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ตนใคร่ขอโอกาสนี้เรียกร้องต่อรัฐมนตรีทั้งคณะ โดยเฉพาะรัฐมนตรีผู้ดูแลกระทรวงด้านสังคม อาทิ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและพัฒนานวัตกรรม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  เป็นต้น  ขอให้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อแนวนโยบายนี้  เพื่อแสดงถึงความพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดตามมาจากการตัดสินใจเห็นชอบกับแนวนโยบายทำลายสังคม ทำร้ายเด็กและเยาวชน”นายบดินทร์ชัย กล่าว

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *