มอร์เตอร์ไซค์ยังครองแชมป์บาดเจ็บ-ตาย สูงสุด เกือบ 80 % ช่วงสงกรานต์ หัวหน้าโครงการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่จักรยานยนต์ปลอดภัย เรียกร้องรัฐบาลยุติสุสานบนถนน เผยตัวเลขน่าตกใจไทยตายมากกว่ายุโรป 7 เท่า ขณะที่ สภาความปลอดภัยขนส่งแห่งยุโรป เรียกร้องให้เบรก ABS เป็นมาตรฐานสำคัญจำเป็นสำหรับรถมอร์เตอร์ไซค์ เสนอเพิ่มอายุผู้ขับขี่จาก 14 ปี เป็น 16 ปี และรัฐควรมีมาตรการในการปกป้องไรด์เดอร์ซึ่งทำงานด้วยแรงกดดันบนพาหนะ 2 ล้อ ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. พ.ญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ หัวหน้าโครงการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่จักรยานยนต์ปลอดภัย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ปี 2566 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบซ้ำซาก ก็คือ การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนที่พาหนะที่ครองแชมป์ยังคงเป็นรถมอร์เตอร์ไซค์ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา มอร์เตอร์ไซค์ยังคงเป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด คือ 79.51 % และความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย มีจำนวนมากถึง 15,584 ราย แสดงให้เห็นว่า รถจักรยานยนต์ยังคงเป็นพาหนะที่สร้างความเสียหายสูงสุดในบรรดาพาหนะในการขนส่งทั้งหมด
ด้าน นายเจนนี่ คาร์สัน ผู้จัดการโครงการ Road Safety Performance Index ของ สภาความปลอดภัยในการขนส่งแห่งยุโรปหรือ ETSC ได้เสนอต่อรัฐบาลของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหรือ อียู ให้เบรก ABS เป็นมาตรฐานบังคับของรถจักรยานยนต์ที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม ในทุกรุ่นที่ต่ำกว่า 125 cc เพื่อรักษาชีวิตเยาวชนของทุกประเทศในกลุ่ม EU โดยระบุว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนน แม้จะมีมาตรการที่ชาญฉลาดและตรงไปตรงมาหลายประการเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตที่ไม่สามารถยอมรับได้ในแต่ละปี เช่น การห้ามเด็กอายุ 14 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์ การตรวจสอบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สามารถถูกลงโทษหากใช้ความเร็วเกินขีดจำกัดได้เช่นเดียวกับผู้ใช้พาหนะอื่นๆบนถนน
“ในยุโรปมียานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สองล้อมากกว่า 10 ล้านคัน ผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งเป็นเด็ก จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อเด็กที่อายุน้อยที่สุด ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเพิ่มข้อจำกัดอื่นๆ ในการขับขี่จักรยานยนต์ และทุกรัฐควรกำหนดอายุในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ขั้นต่ำอย่างน้อย 16 ปีแทนที่จะเป็น 14 ปีเช่นในปัจจุบัน”และว่า นอกจากเรื่องของอายุและเบรก ABS แล้ว ETSC ยังมีข้อเสนอให้ มีการตรวจสอบทางเทคนิคที่จำเป็นสำหรับรถจักรยานยนต์และรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กทุกคัน รวมถึงเน้นการตรวจสอบว่ารถไม่ได้มีการดัดแปลงให้มีความเร็วสูงขึ้น ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว นำไปสู่การทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบยานพาหนะ ของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่คาดว่าน่าจะมีข้อสรุปที่ขัดเจนภายในปีนี้
ผู้เชียวชาญจาก ETSC กล่าวด้วย่วา รัฐบาลในกลุ่มอียูควรมีการพัฒนาการบังคับใช้การจำกัดความเร็วที่ใช้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรปรับปรุงการบังคับใช้การสวมหมวกนิรภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการสวมหมวกนิรภัยในระดับต่ำมาก เช่น กรีซและไซปรัส ฯลฯ นอกจากนี้ สหภาพยุโรปและรัฐบาลแห่งชาติควรส่งเสริมแผนข้อมูลผู้บริโภคเกี่ยวกับประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยของหมวกกันน็อคและอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ เช่น แจ็คเก็ตถุงลมนิรภัย และ ผู้ผลิตรถยนต์ รถตู้ และรถบรรทุก ควรปรับปรุงอุปกรณ์การตรวจจับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ฯลฯ
ผู้จัดการโครงการ Road Safety Performance Index ETSC บอกว่า นอกจากนี้รัฐบาลของประเทศในกลุ่ม อียู ควรให้ความสนใจมากขึ้นกับพนักงานส่งของที่ตอนนี้ต้องเผชิญกับ ปัจจัยเสี่ยง ทั้งการเบี่ยงเบนความสนใจจากแอพบนโทรศัพท์มือถือ แรงกดดันให้จัดส่งของอย่างรวดเร็ว การขาดอุปกรณ์ป้องกัน และการดูแลสภาพรถ
“เราต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับแนวโน้มที่กำลังเติบโต เช่น จำนวนคนหนุ่มสาว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ปัจจุบันส่งอาหารร้อนๆ ในเมืองของเราด้วยมอเตอร์ไซค์ การทำงานภายใต้แรงกดดันด้านเวลากับยานพาหนะที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษา ในขณะที่ถูกรบกวนด้วยเครื่องมือที่ใช้แอพ ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง” คาร์สัน ย้ำ