สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และภาคีภาคประชาชน 9 จังหวัด ได้ร่วมกันดำเนินโครงการ “๙ สู่ชีวิตพอเพียง” หยุดเลี่ยงพนัน โดยเข้าร่วมชมผลงานกิจกรรมการรณรงค์หยุดพนันในชุมชน ณ โรงเรียนบ้านหนองคูน้อย อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีการแสดงละครสร้างการเรียนรู้ “คนเล่นหวย” และ “คนทรงเจ้า” โดยทีมเยาวชนรณรงค์หยุดพนัน และการเปิดใจอดีตเจ้ามือหวยที่กลับตัวกลับใจหันมาทำอาชีพสุจริต “เปลี่ยนเงินหวยให้เป็นเงินออม” เพื่อรณรงค์และส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถวายเป็นปฏิบัติบูชาต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ดำเนินโครงการ รณรงค์หยุดพนันในพื้นที่ชุมชน จ.สุรินทร์ และอีก 8 จังหวัด เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อปัญหาการพนัน สร้างภูมิคุ้มกันและสภาพแวดล้อมที่ปกป้องเด็กและเยาวชนโดยไม่เพิ่มพื้นที่การพนัน ยอมรับว่าปัญหาการพนันเข้าถึงทุกครอบครัว สสส. พยายามเสริมศักยภาพให้ชุมชนเข้าใจรู้เท่าทันการพนัน ทำให้ชุมชนมีกลไกลปกป้องครอบครัว โดยดึงผู้ที่เคยประสบปัญหาพนัน โดยเฉพาะหวย แล้วกลับใจ ลด ละ เลิก ลุกขึ้นมาเป็นแกนนำเพื่อยืนยันความสำเร็จการปรับเปลี่ยนนพฤติกรรม โดยนำเอาเศรษฐกิจอเพียงมาปรับใช้ ทำให้ชุมชนเข้าใจเข้าถึงได้อย่างดีด้วยการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ซึ่งพื้นที่ 9 จังหวัดถือว่าประสบผลสำเร็จ เกิดจากการทำงานร่วมกับชุมชน โรงเรียน ผู้สูงวัย เด็กและเยาวชน ร่วมคิดร่วมทำ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ขณะเดียวกันยังได้ร่วมผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎหมาย นโยบาย มาตรการหรือกลไกกำกับควบคุมการพนันและลดผลกระทบจากการพนันทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่ รวมถึงการสร้างแกนนำคนเลิกพนัน เพื่อพัฒนาศักยภาพให้เป็นแกนนำนักรณรงค์จนเกิดเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและสื่อสารสร้างความรู้เท่าทันการพนัน “ปัจจุบันนับว่าเป็นความท้าทายในยุค 5G สสส. ต้องปรับกลยุทธ์ให้คนติดหวย ทราบถึงผลกระทบปัญหาการพนัน หลายครอบครัวพบว่ามีการเล่นหวยใต้ดิน ใช้เงินตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นจ่ายไปทุกงวด หลายคนอาจจะคิดว่าเล็กน้อย แต่เมื่อมองปัญหาที่เกิดขึ้นเชิงลึก พบว่าบางครอบครัวไม่สามารถพาลูกหลานไปโรงเรียนได้เพราะเงินหมดไปกับหวย จนกระทั่งนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว จึงต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความคิด”นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า อุปสรรคสำคัญอีกตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวในสังคมไทยยังพอเพียงไม่ได้ คือเรื่องของอบายมุขโดยเฉพาะการพนัน พบว่ากลุ่มผู้ใหญ่เล่นหวยใต้ดิน เป็นอันดับ 1 ซึ่งพลังชุมชน พลังความรู้ พลังความรัก เท่านั้นที่จะทำให้คนลดละเลิก เล่นหวย โดยการเข้าร่วมกิจกรรมสร้างการเรียนรู้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง สร้างการระเบิดจากข้างใน ด้วยหลักคิด การชวนกันปฏิบัติใน 5 เรื่อง ได้แก่ หลีกเลี่ยงอบายมุข- สุขกับบัญชีครัวเรือน-เตือนตนให้เป็น นักผลิต-หมั่นเก็บออมอยู่เป็นนิจ-ติดอาวุธความคิดเป็นประจำ
พื้นที่ จ.สุรินทร์ หวยนับว่าเป็นตัวนำ ทั้งหวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งชุมชนท้องถิ่นหวยใต้ดิน เป็นการพนันที่มีอิทธิพลสูงมาก ถ้าเราทำให้ชาวบ้านเรียนรู้ผ่านเรื่องผลกระทบจากการเล่นหวยได้ เชื่อการว่าการพนันตัวอื่นก็ไม่ต่างกัน ข้อมูลจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพบว่า 90% ของคนที่เคยถูกรางวัลใหญ่ต่อมาเวลาไม่นานพวกเขาเหล่านั้นกลับมาจนเหมือนเดิม
“เดิมชาวบ้านเล่นหวยถึงหลักพัน แต่โครงการกระบวนการเรียนรู้ทำให้บางคนเลิกไปเลย ตั้งปณิธานต่อในหลวง ร.9 จนเลิกเล่นหวย แต่บางคนก็ขอลดลงมาในสัดส่วนจากหลักพันลงเหลือหลักร้อย เป็นการลดลง ซึ่งจำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาพนัน การหลีกเลี่ยงพนันอย่างมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และเฝ้าระวังไม่ให้เกิดพนันหน้าใหม่ ” นายธนากร กล่าว
นายศรีสุวรรณ ควรขจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชน สสส. กล่าวว่า ปัญหาการเล่นพนันมีความร้ายแรง ไม่ต่างจากบุหรี่และสุรา การสูบบุหรี่อันตรายทั้งสุขภาพต่อคนสูบและคนรอบข้างลูกหลาน สุราอาจทำให้กลายเป็นผู้พิการได้จากพฤติกรรมเมาแล้วขับ ส่วนหวย นับเป็นการพนันที่อาจทำให้ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวได้ การเล่นพนันอาจกลายเป็นการเสพติดจนล้มเลิกความคิดไม่ได้ นำไปสู่กานล้มเหลวด้านครอบครัว หน้าที่การงาน ความเชื่อถือ และส่งผลต่อรายได้ลดน้อยลงจนเกิดปัญหาหนี้สินตามมา ถ้าลดละเลิกคุณภาพชีวิตจะกลับมามีความสุข
“คนไทยเล่นหวยกว่า 10 ล้านคน และบางคนยกระดับไปเล่นการพนันที่มากกว่าหวยจนเกิดการสูญเสีย อยากให้กำลังใจคนที่ยืนหยัดที่ตั้งใจลดละเลิกและเปลี่ยนเงินซื้อหวยเป็นเงินออม” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นางบุญร่วม ผงเยี่ยม อดีตเจ้ามือหวยกลับใจ กล่าวว่า ในอดีตเคยเป็นทั้งผู้ซื้อจนผันตัวมาเป็นเจ้ามือหวย จนเรียกว่าเป็นอาชีพก็ว่าได้ แต่กลับสร้างผลกระทบเป็นหนี้ร่วมแสนบาท เนื่องจากผู้ซื้อไม่ยอมจ่ายเงินตามกำหนด จนกระทั่งได้เข้าร่วมโครงการอบรมกับ สสส. เปลี่ยนเงินหวยเป็นเงินออม ทำให้ได้เรียนรู้บทเรียนการเล่นพนัน และหันมาทำอาชีพสุจริตเป็นตัวแทนบริษัทประกันชีวิต จนก้าวสู่ชีวิตพอเพียงถ้าไม่หยุดหวย ก็ไม่มีชีวิตพอเพียง
“ขายหวยได้งวดละแสนช่วงนั้นยอมรับว่าเงินได้มาง่ายซื้อง่าย ขายมาเป็นสิบปี จนกลับมาชั่งใจว่าเดือนหนึ่งมี 2 งวดโอกาสถูกแทบไม่มีเลย จึงอธิบายให้คนในชุมชน เปลี่ยนจากเงินหวยเป็นเงินออม จนพบว่าชีวิตมีความพอเพียงและมีความสุข ” นางบุญร่วม กล่าว