(14 พฤศจิกายน 2566) กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับ ดิจิเทค อาเซียน ไทยแลนด์ 2023 มหกรรมแสดงสินค้าเจรจาธุรกิจด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลแห่งอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน นำโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, อิมแพ็ค และพันธมิตรธุรกิจ ภายในงานรวบรวมผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลกว่า 300 แบรนด์ชั้นนำจาก 10 ประเทศมาจัดแสดงนวัตกรรม พร้อมจัดสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติ ตอกย้ำความสำคัญ Digital transformation ในปัจจุบัน คาดมีผู้สนใจเข้าร่วมงาน มากกว่า 5,000 ราย ตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 22–24 พฤศจิกายน 2566 ณ อาคาร 7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นางสาวพีรยาพัณณ์ พงษ์สนาม ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายโครงการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงปัจจุบันภาคธุรกิจกำลังสร้างโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยไอที หลายองค์กรพยายามปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล ตอบรับธุรกิจเติบโตตามทิศทางการปฏิรูปองค์กรโดยเน้นยุทธศาสตร์ Digital transformation จากความสำคัญดังกล่าว จึงเกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เตรียมจัดงาน ดิจิเทค อาเซียน ไทยแลนด์ (DigiTech ASEAN Thailand) งานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลแห่งอาเซียน โดยในปีนี้ได้รวบรวมผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลกว่า 300 แบรนด์จาก 10 ประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น มาร่วมจัดแสดงนวัตกรรม ระหว่างวันที่ 22–24 พฤศจิกายน 2566 ณ อาคาร 7 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ภายในงานฯ ประกอบด้วยผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจ ปัญญาประดิษฐ์ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อีคอมเมิร์ซและการตลาดดิจิทัล ดาต้าและคลาวด์ สมาร์ทโซลูชันและไอโอที เทคโนโลยี 5G และเครือข่าย รวมไปถึง WEB.3.0 นอกจากนี้ ยังมีพาวิลเลียนจากประเทศเกาหลีใต้จำนวน 29 บริษัท และพาวิลเลียนจากฮ่องกงอีกจำนวน 20 บริษัท ถือเป็นงานแสดงสินค้าที่ครบครันเรื่องเทคโนโลยีและดิจิทัลที่สุดแห่งปี เหมาะกับทุกแวดวงอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ที่กำลังมองหาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาธุรกิจในทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็น การขาย การตลาด การจัดซื้อจัดจ้าง งานบุคคล งานผลิต รวมไปถึงการวิเคราะห์ธุรกิจเพื่อวางแผนและพัฒนาธุรกิจ
ภายใต้ความร่วมมือจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นเจ้าภาพการจัดงานฯ และสนับสนุนโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมากมายจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) บริษัท อินไซท์เอรา จำกัด บริษัท เอเอ็มดี ฟาร์ อีสท์ จำกัด EPISODE Limited Kasikorn X Google Cloud บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด Aldagram Inc. ลาร์ค เทคโนโลยี Azentio Software บริษัท เจเอสที อีอาร์พี ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด Zoho Corporation บริษัท อาลีบาบา คลาวด์ (ประเทศไทย) จำกัด คินโทน ไทยแลนด์ บริษัท มายเอชอาร์ จำกัด บริษัท ออมนิคับ จำกัด เทนเซ็นต์ คลาวด์ บริษัท โนเวนติก (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท เคียวเซร่า (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ นอกจากจัดแสดงสินค้าและบริการ เปิดเวทีเจรจาธุรกิจแล้ว ภายในงาน DigiTech ASEAN Thailand ยังมีจัดสัมมนาและการนำเสนอเทคโนโลยี (Technology Presentation) โดยวิทยากรชั้นนำในหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ ระบบ Supercomputer ของไทย กับการพัฒนานวัตกรรม AI สู่อนาคต, Google Cloud กำลังกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างไร, กลยุทธ์การสร้างความภักดีด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อปั้นธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด, HR Digital Transformation, Digital Transformation สำหรับโรงงานอัจฉริยะ, อบรมเชิงปฏิบัติหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านในยุคดิจิทัล ให้ธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วย Taskworld” โดย Software Park Thailand
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า ดีป้า มีภารกิจสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่การพัฒนากำลังคนดิจิทัล การสร้างระบบนิเวศดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อให้เกิดขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้กับทุกภาคส่วน ทั้งในภาคประชาชน ชุมชน เกษตรกร รวมถึงภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลางหรือใหญ่ เพื่อให้เกิดการยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งในด้านการลดต้นทุน การผลิตสินค้าและบริการ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มผลผลิต ตลอดจนสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันได้ในระยะยาว งาน DigiTech ASEAN Thailand 2023 ถือเป็นเวทีทางธุรกิจและความรู้ครั้งสำคัญของประเทศไทยที่รวมโซลูชันเทคโนโลยีและดิจิทัลไว้อย่างครบครัน เป็นอีกงานที่อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยจุดประกายในการพัฒนาธุรกิจ”
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะที่ จีเอเบิล เป็นผู้นำด้าน Tech Enabler ในประเทศไทย มองว่าความท้าทายในการทำ Digital Transformation ของภาคธุรกิจให้สำเร็จนั้น จะต้องมีการตั้งเป้าหมายขององค์กรที่ชัดเจน มีการวางแผนงานกลยุทธ์ที่ดี ในการนำเอาดิจิทัลเข้ามาใช้ในองค์กร และมีการอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีเพื่อสร้าง Digital Transformation ให้เกิดขึ้นในองค์กรได้สำเร็จอย่างแท้จริง คือ พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการทำงานในองค์กรที่แข็งแกร่ง เป็นพาร์ทเนอร์ที่สามารถให้คำปรึกษาตั้งแต่การวางแผนงานตามกลยุทธ์ขององค์กร ควบคู่ไปกับการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที และสร้างการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงดูแลทุกโปรเจ็คให้ราบรื่นแบบ End-to-End และมีโซลูชันที่หลากหลายเพื่อการตอบโจทย์ที่ครอบคลุมทุกการให้บริการ อาทิ การวางระบบปฏิบัติการบนคลาวด์, ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics), ระบบ Social Listening เพื่อการพัฒนาการตลาดที่ตอบโจทย์ได้ตรงใจลูกค้า, ระบบเก็บรักษาและปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรตลอด 24 ชั่วโมง (Cybersecurity) นอกจากนั้นการนำเอา Generative AI เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราต่อจากนี้ไป และจะช่วยให้การทำงานของทุกองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นตัวเร่งความสำเร็จให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ฯลฯ ด้วยประสบการณ์ตลอด 34 ปีของจีเอเบิล เราคือหนึ่งในพาร์ทเนอร์ด้านไอทีคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชัน (Digital Transformation) ให้แก่องค์กรต่างๆ จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 1,000 องค์กรชั้นนำของประเทศในหลายภาคอุตสาหกรรม ในฐานะผู้ร่วมสร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
คุณสันติ เมธาวิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (UIH) กล่าวว่าในปี 2024 Digital Transformation จะมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ดังนั้นองค์กรต่างๆต้องปรับตัวให้ทัน ซึ่งควรให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ 6 ข้อหลัก ได้แก่ 1 .Change Mindset 2. AI Adoption เพราะ AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่น Generative AI 3. Digital Workspace 4. Future Workforce องค์กร ต้องวางกลยุทธ์พัฒนาคนในระยะ 1-3 ปี ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง 5. Cyber Security ต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลภาพรวมทั้งหมด ป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลขององค์กร และ สุดท้ายต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง Sustainability Technology, เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
“UIH ในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Google ได้ยกระดับความสามารถในการให้บริการโซลูชั่น ให้ตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ทั้งองค์กรรัฐ และเอกชน ซึ่ง UIH มีความพร้อมวางแผนยุทธศาสตร์ในเรื่อง Digital Transformation ให้กับองค์กรชั้นนำในไทย พร้อมผสานนวัตกรรมระดับโลกเช่น Google เพื่อให้บริการโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโซลูชั่นที่เน้นนวัตกรรม AI, Data , Digital Workspace, E-Commerce รวมทั้งบริการ Cloud เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”
อย่างไรก็ตาม จากความสำคัญของ Digital transformation ที่มีบทบาทอย่างมากเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจปัจจุบัน คาดว่างาน DigiTech ASEAN Thailand 2023 ครั้งนี้จะได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจจากนานาประเทศรวมกว่า 5,000 ราย สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้า (ฟรี) ผ่าน https://bit.ly/3ZCi6LM และหากต้องการติดตามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.digitechasean.com หรือ www.facebook.com/digitechasean