จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.66 เวลาประมาณ 07.10 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.เวียงชัย จว.เชียงราย ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 49 หมู่ 10 ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จว.เชียงราย สืบเนื่องเมื่อวันที่ 5 ม.ค.66 นายกมลภพ เครือสาร ได้มาแจ้งความต่อ พงส.สภ.เวียงชัย ว่าอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อซิก ซาวเออร์ หายไป สงสัยว่านายนายวุฒิไกร เครือสาร ซึ่งเป็นหลานและผู้พักอาศัยที่บ้านดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบกับเมื่อเร็วๆนี้ นายวุฒิไกรฯ ได้ก่อเหตุนำอาวุธปืนไปยิงข่มขู่ผู้ที่รับจำนำรถ ในเขตท้องที่ สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งต่อมาได้ทำการโอนเงินเพื่อไถ่ถอนรถแล้วแต่ยังไม่ได้รถคืน โดยขณะเข้าทำการตรวจค้น นายวุฒิไกรฯ ได้วิ่งหลบหนีออกทางด้านหลังบ้าน และมี ด.ต.เปรม ตั๋นตุ้ย ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เวียงชัย วิ่งไล่ตามหลังไป ซึ่งขณะไล่ติดตาม นายวุฒิไกรฯ ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ ด.ต.เปรมฯ กระสุนถูกศีรษะและท้องข้างซ้าย เป็นเหตุให้เสียชีวิต ส่วนนายวุฒิไกรฯ ได้หลบหนีเข้าป่าไป

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนธัช น้อยนาค รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และพล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ บก.สส. และ ภ.จว.เชียงราย เดินทางไปยังที่เกิดเหตุและปิดล้อมพื้นที่ แล้วได้ทำการตรวจค้นจนพบนายวุฒิไกรฯ ซึ่งหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในป่า จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมยึดของกลาง อาวุธปืนพกสั้น จำนวน 3 กระบอก และกระสุนปืนลูกซองอีกจำนวน 20 นัด ส่ง พงส. ดำเนินคดีซึ่งต่อมาพบว่านายวุฒิไกรฯ เป็นผู้เสพยาเสพติด
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ทำการสืบสวนขยายพลไปยังกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ จึงได้ขยายผลไปยังผู้ที่จำหน่ายยาเสพติดให้นายวุฒิไกรฯ และได้ทำการจับกุมตัวผู้ที่จำหน่ายยาเสพติดให้นายวุมิไกรฯ โดยทราบต่อมาชื่อคือ นายไพฑูรย์ ศิริเหล็ก เบื้องต้นนายไพฑูรย์ฯ มีพฤติการเสพยาบ้า จึงได้ทำการจับกุมนายไพฑูรย์ฯ ดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และจากการสอบสวนขยายผลมีพยานหลักฐานยืนยันว่านายไพฑูรย์ฯ เป็นผู้จำหน่ายยาบ้าให้แก่นายวุฒิไกรฯ จริง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีกับนายไพฑูรย์ฯ ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า รวมถึงความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย และ พล.ต.ท.ปิยะฯ ยังได้สั่งการให้ทำสืบสวนไปยังผู้ที่เป็นตัวกลางและที่อยู่เบื้องหลังการจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ โดยกำชับให้ทำการกวาดล้างอย่างจริงจัง รวมถึงให้มีการสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มผู้รับจำนำรถในเขตท้องที่ สภ.เมืองเชียงราย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งเช่าแล้วเชิดรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 ได้จับกุมดำเนินคดีไปเมื่อเร็วๆนี้ด้วย หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้กำชับให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดทุกราย และอาวุธปืนของกลางที่ตรวจยึดได้ในวันเกิดเหตุ ก็ไห้ทำการสืบสวนและขายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ปิยะฯ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ทำการถอดบทเรียนและกำหนดมาตราการป้องกันเหตุที่อาจเกิดความสูญเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงให้เร่งติดตามสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือแก่ทายาท ด.ต.เปรมฯ กรณีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเบื้องต้นได้รับการยืนยันจาก สวัสดิการ ตร./ ภ.5/ สมาคมแม่บ้าน ตร./ และมูลนิธิบุณยะจินดา / ภ.จว.เชียงราย / สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เป็นเงินจำนวน 2,670,370.93 บาท