อาลีบาบา กรุ๊ปรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2563

หังโจว ประเทศจีน 3 กุมภาพันธ์ 2564 – อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เผยผลประกอบการไตรมาส 4 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2563 เมื่อวานนี้

“เมื่อปีที่ผ่านมาประเทศจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโดทาง GDP อาลีบาบาจึงมีผลประกอบการที่ดีเนื่องมาจากการฟื้นตัวที่รวดเร็วของเศรษฐกิจจีน” แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว “เป็นอีกหนึ่งปีที่มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ประสบความสำเร็จ ด้วยมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และไม่ลืมที่จะสนับสนุนให้ร้านค้าสามารถฟื้นตัวได้จากภาวการณ์ระบาดของโควิด-19
ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งเริ่มได้ส่วนแบ่งทางการตลาดและมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใส สะท้อนให้เห็นศักยภาพของธุรกิจคลาวด์ในจีนที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานและการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เราทุ่มเทมาหลายปีไม่ศูนย์เปล่า เรามั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา และบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม”

“เป็นอีกไตรมาสที่ธุรกิจของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีกระแสเงินสดมากพอให้เราสามารถลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์” แม็กกี้ วู ประธานกรรมการฝ่ายการเงิน อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว “เราพึงพอใจที่ธุรกิจอาลีบาบาคลาวด์มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เป็นบวกในไตรมาสนี้และไช่เหนียวเน็ตเวิร์กมีกระแสเงินสดเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ตอกย้ำว่ากลยุทธ์ระยะยาวของอาลีบาบาทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดกำไร”

ไฮไลท์ของธุรกิจในไตรมาส 4 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563

• รายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 221,084 ล้านหยวน หรือ 33,883 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,027,080 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า
• จำนวนผู้บริโภคประจำต่อปี (Annual active consumers) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 779 ล้านคน เมื่อไตรมาส 4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 22 ล้านคน จากไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563
• จำนวนผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile MAUs) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 902 ล้านคน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 21 ล้านคน จากเดือนกันยายน 2563
• กำไรจากการดำเนินงาน (Income from operations) อยู่ที่ 49,002 ล้านหยวน หรือ 7,510 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 227,730 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) ที่ไม่ได้คำนวณตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (a non-GAAP measurement) เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า เป็น 68,380 ล้านหยวน หรือ 10,480 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 317,838 ล้านบาท) และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) ที่ไม่ได้คำนวณตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (a non-GAAP measurement) เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า เป็น 61,253 ล้านหยวน หรือ 9,387 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 284,669 ล้านบาท)
• กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญ (Net income attributed to ordinary shareholders) อยู่ที่ 79,427 ล้านหยวน หรือ 12,173 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 369,13 0ล้านบาท) กำไรสุทธิ (Net income) อยู่ที่ 77,977 ล้านหยวน หรือ11,950 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 362,391 ล้านบาท) และกำไรสุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (Non-GAAP net income) อยู่ที่ 59,207 ล้านหยวน หรือ 9,074 ล้านบาท (ประมาณ 275,090 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า
• กำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐ (Diluted earnings per ADS) อยู่ที่ 28.85 หยวน หรือ 4.42 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 134 บาท) เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า กำไรปรับลดต่อหุ้น (Diluted earnings per share) อยู่ที่ 3.61 หยวน หรือ 0.55 เหรียญสหรัฐ หรือ 3.27 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 16.78 บาท) และกำไรปรับลดต่อหุ้นที่ไม่ได้คำนวณตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (Non-GAAP diluted earnings per share) อยู่ที่ 2.75 หยวน หรือ 0.42 เหรียญสหรัฐ หรือ 3.27 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 12.78 บาท) เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า
• กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (Net cash provided by operating activities) อยู่ที่ 103,208 ล้านหยวน หรือ 15,817 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 479,620 ล้านบาท) และกระแสเงินสดสุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (Non-GAAP free cash flow) อยู่ที่ 96,210 ล้านหยวน หรือ 14,745 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 447,178 ล้านบาท)

รายงานฉบับเต็มภาษาอังกฤษ อ่านได้ที่นี่

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *