กระแสเทรนด์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงสถาบันอุดมศึกษา ที่ต้องยกเครื่อง ปรับโฉมในการผลิตบัณฑิตที่มีทักษะตอบโจทย์เมกะเทรนด์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นทิศทางในอนาคต
หลากหลายภาคส่วนได้ชี้ว่า “5 เมกะเทรนด์” ที่เกิดขึ้นในปี 2020-2030 และมีความหมายต่อธุรกิจและการเติบโตของนวัตกรรม รวมถึงเป้าหมายของแต่ละองค์กร ได้แก่ 1.การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางเศรษฐกิจจากประเทศมหาอำนาจฝั่งตะวันตก เป็นมหาอำนาจตะวันออก เช่น จีน และ อินเดีย 2.ทรัพยากรขาดแคลน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมล้วนได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของมนุษย์ 3.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่จะส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องเร่งสปีดตัวเอง พัฒนากำลังคนให้เท่าทัน 4.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป เด็กน้อยลง ขณะที่ผู้สูงวัยมากขึ้น และ 5.การก้าวสู่การเป็นมหานครอย่างรวดเร็ว
ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการศึกษาซึ่งต้องปรับตัวตามเทรนด์ของโลก ด้วยเป็นหน่วยงานในการพัฒนาผลิตกำลังคนให้มีความพร้อมก้าวสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร การพัฒนาคณาจารย์ การนำเทคโนโลยี นวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ เพื่อพัฒนาคนให้ตอบโจทย์กับ 5 เมกะเทรนด์ และพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
“5 เมกะเทรนด์ เป็นสิ่งที่ทั่วโลกพบเจอเหมือนกัน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและชัดเจน ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และสังคม การใช้ชีวิตของผู้คน และวัฒนธรรมแต่ละประเทศ เมื่อก่อน Globalization หรือโลกาภิวัฒน์ เทคโนโลยี การสื่อสารทำให้โลกเล็กลง แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าโลกเล็กลงไปอีก ประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ต้องเดินไปด้วยกัน ซึ่งทุกประเทศจะต้องมองเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) ว่าประเทศจะไปในทิศทางใด เพื่อทำให้ทุกคนสามารถออกแบบอนาคตของประเทศตนเองได้” ดร.ดาริกา กล่าว
ภาคอุดมศึกษา ต้องทำความเข้าใจถึงการเกิดขึ้นของทั้ง 5 เมกะเทรนด์ เพื่อจะนำไปสู่การปรับตัว ปรับหลักสูตร กำหนดเป้าหมาย การผลิตทรัพยากรบุคคลของประเทศให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในปัจจุบันและโลกอนาคต แม้หลักสูตรที่เปิดสอนอยู่ขณะนี้จะยังใหม่ แต่ผ่านไปปีเดียวก็อาจจะล้าหลังได้
อธิการบดี DPU กล่าวว่า มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในเรื่องการลดเนื้อหาของการเรียนรู้ แต่เพิ่มทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูล เนื้อหาที่มีอยู่มากมายและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองสถาบันการศึกษาจึงต้องเป็นพื้นที่ในการพัฒนาทักษะ สมรรถนะที่จำเป็นสำหรับพวกเขา อีกทั้งพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ การเรียนเป็นสาขา คณะ รายวิชาอาจจะเหมาะสมในบางสาขาและคณะเท่านั้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงต้องปรับการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยให้นักศึกษาสามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ และที่สำคัญมหาวิทยาลัยต้องทำให้ผู้เรียนได้ค้นหาตัวตนและเติมเต็มทักษะที่จำเป็นกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงการให้ความรู้แต่เป็นการให้อาวุธ ฝังเป็น DNA ที่จะติดตัวพวกเขาตลอดไป
“DPU ได้ปรับหลักสูตรมาหลายปี โดยเปลี่ยนจากวิชาศึกษาทั่วไป เป็นรายวิชาที่จะเติมเต็มทักษะศตวรรษที่ 21 อัตลักษณ์หรือ DNA ของเด็ก DPU เราเรียกว่า DPU Core ซี่งจะมีทั้งหมด 6 ทักษะ คือ ทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ใช่เพียงขายของเป็น แต่ต้องรู้จักกับการแก้ปัญหาขององค์กรที่เกิดขึ้น ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดวิเคราะห์ และ แก้ปัญหา ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการทำงานเป็นทีม และ ทักษะความรอบรู้เรื่องเทคโนโลยี ขณะเดียวกันในส่วนของการเรียนการสอน จะเน้นให้ความรู้ สร้างสมรรถนะ เน้นบูรณาการ เรียนรู้จากการปฏิบัติ การแก้ปัญหาจริง” ดร.ดาริกา กล่าว
ทั้งนี้ DPU ได้มีการปรับหลักสูตร ให้เป็นการเรียนแบบโมดูล (Module) โดยเป็นกลุ่มวิชาซึ่งมาจากหลากหลายคณะ อาจารย์จากหลายคณะร่วมกันสอนแบบบูรณาการ นักศึกษาสามารถเลือกเรียนเป็นกลุ่มวิชาที่ต้องการได้ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่ตนเองเลือกเรียนนั้น จะนำไปสู่การประกอบอาชีพอะไร หรือเรียนแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง อย่างไรก็ดี การจัดหลักสูตรแบบโมดูลยังคงยึดตามกรอบเกณฑ์มาตรฐาน และโครงสร้างตามหลักวิชาชีพ
ดร.ดาริกา กล่าวด้วยว่า การปรับหลักสูตรจะต้องทำอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจไม่ทัน เพราะอนาคตเปลี่ยนเร็วมาก ขณะนี้ 1 ปี ต้องเปลี่ยนหลักสูตรแล้ว โดยหลักสูตรในรูปแบบโมดูลหรือกลุ่มวิชาที่ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการ เป็นไปตาม 5 เมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้น โครงสร้างหลักสูตรมีความยืดหยุ่น ของเนื้อหา รูปแบบการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับเทรนด์โลกและพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ อนาคตหลายคนอาจจะอยากหรือไม่อยากเรียน 4 ปี ในมหาวิทยาลัย แต่ DPU ยังคงพัฒนาหลักสูตรโดยทำเป็นจิ๊กซอร์โมดูลให้นักศึกษาได้เลือกเรียน จะทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้ศาสตร์หลากหลายจากคณาจารย์หลายคณะ ซึ่งจะตอบโจทย์การเรียนรู้ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลภายใต้ห้องเรียนไฮบริด หรือห้องเรียนแห่งการปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยน ค้นหาคำตอบ แก้ปัญหาร่วมกัน
“อยากให้นักศึกษาเลือกเรียนรู้ตามความสนใจความถนัด ทุกคนใช้การเรียนรู้ของตนเองในการคิดวิเคราะห์ หรือเรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านออนไลน์ ขณะที่ได้มาฝึกปฏิบัติก็ร่วมแก้ปัญหาในห้องเรียนด้วยกัน เพราะจะให้เรียนแบบออนไลน์ทั้งหมดคงไม่ได้ โดยเฉพาะวิชาปฏิบัติ แต่การเรียนออนไลน์สามารถนำมาบูรณาการให้เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้” อธิการบดีDPUกล่าว
ดร.ดาริกา กล่าวในตอนท้ายว่า การมาเรียนที่ DPU นอกจาก รูปแบบการเรียนแบบ Module และ DPU Core ที่จะปลูกฝังทักษะอันจะทำให้นักศึกษาสามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบแล้ว นักศึกษารุ่นใหม่จะเข้าใจถึงการปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่กับการค้นหาตัวเอง เติมเต็มทักษะในสิ่งที่ตัวเองขาด สำหรับงาน DPU Open House เปิดบ้านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปีนี้ เราได้มีการปรับรูปแบบจากเดิมเป็นการจัดงานแบบออนไลน์ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 โดยจะมีการอัพเดตเทรนด์การศึกษายุคใหม่ที่สอดคล้องกับเทรนด์โลกและอาชีพมาแรงแห่งอนาคต เพื่อให้นักเรียน ระดับมัธยมปลาย ปวช. หรือ ปวส. ได้เห็นแนวทางในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยและสามารถอยู่ได้ทุกยุคของการเปลี่ยนแปลง
ติดตามอัพเดทเทรนด์การศึกษายุคใหม่ DPU Open House Online ภายใต้ธีม “DPU MEGA TRENDS อยู่เป็นทุกการเปลี่ยนแปลง” ระหว่างวันที่ 12-13 มกราคม 2564 นี้ รับชม live สดได้ที่ Facebook มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ DPU ตั้งแต่เวลา 9.00 -16.00 น. สัมผัสบรรยากาศจริงของแต่ละคณะ พบรุ่นพี่และศิษย์เก่าที่จะมาแชร์ประสบการณ์การเรียน และการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแบบ Exclusive พลาดไม่ได้กับทุนการศึกษาพิเศษ!! เฉพาะใน Live เท่านั้น ลงทะเบียนเข้าชม Live สดล่วงหน้า ลุ้นรับ iPad โดยสามารถลงทะเบียนผ่านไลน์ @dekdpu