เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท พร้อมต้อนรับนักเดินทางอีกครั้ง เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เต็มกำลัง ตั้งเป้า 5 ปี ลุยขยายตัวทั่วโลก

โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เร่งฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิด-19 จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมเข้มงวดโปรแกรมสุขภาพและความปลอดภัย เพื่อส่งเสริมธุรกิจในระยะสั้น รวมถึงวางแผนระยะยาวขยายธุรกิจทั่วโลก

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (S Hotels and Resorts Public Company Limited: SHR) บริษัทในเครือของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เดินหน้าเต็มกำลังหลังวิกฤตโควิด-19 ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท รุกแผนกลยุทธ์การขยายตัวระยะยาว ตั้งเป้าโตสองเท่าภายใน 5 ปี

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการเดินทางทั่วโลก ส่งผลให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือ SHR ได้รับผลกระทบ โดยต้องระงับการให้บริการชั่วคราวโรงแรมและรีสอร์ททั้ง 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ล่าสุด หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น หลายประเทศกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น โรงแรมและรีสอร์ทในเครือ SHR จึงได้กลับมาเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยวางแผนใหม่ให้สอดคล้องกับ “วิถีชีวิตใหม่” (New Normal) ด้านสุขภาพและสุขอนามัยที่เข้มงวดมากขึ้น และแผนเชิงรุกในการผลักดันธุรกิจให้กลับสู่แผนเดิมที่วางไว้ทั้งหมด

ในระยะสั้น SHR จะริเริ่มแผนการใหม่ๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยจะมุ่งเป้าไปที่ตลาดภายในประเทศและในภูมิภาค เพื่อให้เข้ากับภาพรวมตลาดกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ยังคงดำเนินการตามเป้าหมายการขยายตัวอย่างมุ่งมั่น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ตโฟลิโอเป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปี ผ่านการลงทุนระหว่างประเทศ การซื้อกิจการ และการรับบริหารโรงแรม ซึ่งรวมถึงการเติบโตของ “ทราย” (SAii) แบรนด์รีสอร์ทแนวคิดใหม่ที่จับกลุ่มตลาดบน ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี 2562 เพื่อดึงดูดนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและอิสระ

เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า “การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกทำให้เกิดการหยุดชะงักในอุตสาหกรรมการบริการระดับโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และแน่นอนว่า SHR ก็ไม่รอดพ้นจากผลกระทบนี้ อย่างไรก็ตาม เรามีความมั่นใจว่า โครงสร้างของบริษัท จุดแข็งที่สำคัญของเรา รวมถึงตำแหน่งสินค้าในระดับบน (Upper Upscale) และการเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง จะช่วยให้เรากลับเข้าสู่ธุรกิจได้ง่ายขึ้น ด้วยโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งของเราและอัตราหนี้สินที่ต่ำ นอกจากนั้น เรายังกำลังตั้งเป้าที่จะสร้างอนาคตที่แข็งแรงและยั่งยืนให้กับ SHR อีกด้วย”

การฟื้นตัวของ SHR ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งได้เปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ โดย ทุกแห่งในประเทศไทยจะเข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” (We Go Travel Together) ของรัฐบาล ซึ่งมอบส่วนลด 40% มูลค่าสูงถึง 3,000 บาท ต่อห้อง ต่อคืน จำนวนสูงสุด 5 คืน

นอกจากนั้น แต่ละโรงแรมยังได้เปิดตัวโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วยได้แก่ พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท (Phi Phi Island Village Beach Resort) เปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาผ่อนคลายบนเกาะสวรรค์ กับโปรโมชั่น “ซื้อ 1 แถม 1 ฟรี” สำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น พร้อมบริการพิเศษสุดคุ้ม อาทิ อาหารเลิศรส สปา ทริปผจญภัยบนเกาะ และอื่น ๆ อีกมากมาย

สันติบุรี เกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) เปิดตัวอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม พร้อมโปรโมชั่น “ซื้อ 1 แถม 1 ฟรี” สำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะ พร้อมแพ็คเกจรถรับ-ส่งส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากกรุงเทพฯ เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่หลากหลายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Lèn(เล่น) ที่เป็นเอกลักษณ์ของสันติบุรี รวมถึง ทริปเที่ยวเกาะแตนแบบไปเช้าเย็นกลับ คอร์สเรียนทำอาหารทะเลสูตรต้นตำรับท้องถิ่น สำรวจพืชและสัตว์พื้นเมืองของเกาะสมุย การทำสปากาแฟ ฯลฯ

รีสอร์ทแบรนด์ “เอาท์ริกเกอร์” (Outrigger) สองแห่งของ SHR ในประเทศไทย ได้ให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ราคาเริ่มต้นเพียง 1,799 บาท ที่ เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท (Outrigger Laguna Phuket Beach Resort) และเพียง 1,999 บาท ที่ เอาท์ริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท (Outrigger Koh Samui Beach Resort)

สำหรับผู้เข้าพักที่กำลังมองหาสถานที่หลบหนีความวุ่นวายบนเกาะมัลดีฟส์ ทราย ลากูน มัลดีฟส์ (SAii Lagoon Maldives) และ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) 2 รีสอร์ทที่น่าทึ่งภายในโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) ปลายทางการพักผ่อนแบบบูรณาการ พร้อมให้เข้าพักอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคมเป็นต้นไป พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ “พัก 3 คืนจ่ายแค่ 2 คืน” (Stay 3, Pay 2) โดยสามารถเยี่ยมชมบรรยากาศของรีสอร์ทแบบเสมือนจริงได้ก่อนจอง ผ่านทาง 360-Degree Virtual Tours) ทราย ลากูน มัลดีฟส์ คลิกที่นี่และ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ คลิกที่นี่

รีสอร์ทในประเทศฟิจิ เอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท (Outrigger Fiji Beach Resort) รีสอร์ทระดับห้าดาวบนแนวชายฝั่งคอรัลโคสต์ (Coral Coast) เกาะวีตีเลวู (Viti Levu) ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วน แคสต์ อเวย์ ไอส์แลนด์ ฟิจิ (Castaway Island, Fiji) และ เอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท (Outrigger Mauritius Beach Resort) คาดว่าจะเริ่มต้อนรับแขกในวันที่ 31 กรกฎาคม และ 1 กันยายนตามลำดับ ตามมาด้วย เอาท์ริกเกอร์ โคนอตตา มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Outrigger Konotta Maldives Resort) จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยโรงแรมและรีสอร์ททั้งหมดจะยังคงประเมินการผ่อนปรนและข้อจำกัดการเดินทางข้ามประเทศอย่างใกล้ชิดโดยหน่วยงานท้องถิ่น ในขณะที่โรงแรม 9แห่งในสหราชอาณาจักรภายในเครือเมอร์เคียว(Mercure) และฮอลิเดย์อินน์ (Holiday Inn)จากจำนวน 29 แห่งของ SHR ได้เปิดให้บริการแล้ว และจะเปิดให้บริการอีก 11 แห่งภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนโรงแรมที่เหลืออีก 9 แห่งคาดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนสิงหาคม

ไม่ว่าจะเลือกจุดหมายปลายทางใดลูกค้าของSHR ก็สามารถมั่นใจได้ว่า โรงแรมทั้งหมดของ SHR ได้ดำเนินการตามมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด รีสอร์ททุกแห่งในประเทศไทยได้รับใบรับรองความปลอดภัยและสุขภาพ (Safety & Health Administration: SHA) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ส่วน ทราย ลากูน มัลดีฟส์ ได้ปฏิบัติตามโปรแกรม CleanStay ของ Hilton Worldwide และ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดฟีส์ ปฏิบัติตามโปรแกรมSafe + Sound และการตรวจสอบ 272 จุด และทุกรีสอร์ทภายใต้แบรนด์เอาท์ริกเกอร์ ได้ปฏิบัติตามโปรแกรม Outrigger’s Clean Commitment ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ Ecolab

ด้วยคอลเล็กชั่นรีสอร์ทที่เป็นแบรนด์ของตนเองและการบริการที่หลากหลาย ประกอบด้วย ห้องสวีทส่วนตัว และพูลวิลล่า ในหลายจุดหมายปลายทาง รีสอร์ทของ SHR ในเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีจากฝูงชนและผ่อนคลายในความปลอดภัยและความเงียบสงบ พร้อมรับประกันการเว้นระยะห่างทางสังคม

โรงแรมและรีสอร์ทของ SHR ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับนานาชาติมากมาย อาทิ เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท (Outrigger Laguna Phuket Beach Resort) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Favourite Family Resort – International” จากรางวัล Choice Awards 2020 ของ Condé Nast Middle East Readers 2020 และ เอาท์ริกเกอร์ โคนอตตา มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Outrigger Konotta Maldives Resort) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในหมวด ” Favourite Beach Hotel – International”

ค้นหาช้อมูลเพิ่มเติมและโปรโมชั่นล่าสุดของSHR ได้ที่เว็บไซต์ https://www.shotelsresorts.com/th/เดินทางไปด้วยกัน

หรือ www.shotelsresorts.com และติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้บน FacebookInstagramและ LinkedIn

เกี่ยวกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (S Hotels & Resort: SHR)

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (S Hotels and Resorts Public Company Limited: SHR) บริษัทในเครือของ บริษัท สิงห์เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงบันดาลใจจากความเป็นไทย บวกรวมกับผลงานระดับนานาชาติที่กว้างขวางและได้มาตรฐานระดับโลก รวมถึงความเชี่ยวชาญในการบริหารและการลงทุนของโรงแรมและรีสอร์ทคุณภาพสูงในจุดหมายปลายทางที่เป็นที่ต้องการทั่วโลก SHR ได้สร้างคอลเลกชันของแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นของตัวเอง ในขณะที่ยังเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ของอุตสาหกรรมการบริการ โดยมีเป้าหมายที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการพักผ่อนและการใช้ชีวิต ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจที่หลากหลาย และสร้างมูลค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย บนพื้นฐานของปรัชญาการพัฒนาที่ยั่งยืนและส่งมอบผลประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่น ค้นพบข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.shotelsresorts.com หรือติดตามเราบน FacebookInstagramYouTubeLinkedIn

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *