พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ หรือฟอนซ่า ได้เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมานั้นการส่งเสริมกีฬาอาชีพ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ ยังไม่สัมฤทธิผลในความ”เป็นอาชีพ” ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการพัฒนากีฬาอาชีพของต่างประเทศนั้น จะมีระบบที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านงบประมาณ สิทธิประโยชน์ที่นำผลกำไรกลับคืนสู่ประเทศชาติ และมาตรฐานของดัชนีแห่งความสำเร็จสำหรับในแต่ละรายการที่ตอบสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม”
พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการของกีฬาอาชีพ ซึ่งใกล้จะครบถ้วนแล้ว โดยจะแยกเป็นสองส่วน คือส่วนแรก จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการไต่ส่วน สำหรับส่วนที่สองนั้น จะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งคณะกรรมการกีฬาอาชีพทั้งคณะสามารถที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้
ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ปัจจุบัน คณะกรรมการกีฬาอาชีพ ได้หมดวาระลงแล้ว ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างคัดเลือก จึงอยากให้ผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือก ต้องคัดเลือกคนทำงาน เพื่อเข้าไปทำงาน พิจารณาภูมิหลังของผู้สมัครแต่ละคนให้ดี บางคนเคยมีผลประโยชน์หรือทำธุรกิจกับเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่หรือไม่ บางคนจะใช้ตำแหน่งของคณะกรรมการกีฬาอาชีพไปแอบอ้างหาผลประโยชน์กับภาคเอกชน โดยใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือหรือไม่ สิ่งที่คณะกรรมการกีฬาอาชีพทะเลาะเบาะแว้งกันประเด็นหลักก็คือปัญหาส่วนตัวจึงทำให้ส่วนรวมได้รับผลกระทบ เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากหากภาษีของประชาชนถูกพิจารณานำไปใช้โดยปราศจากความเป็นมืออาชีพ ดังนั้น ในการคัดเลือกคณะกรรมการกีฬาอาชีพนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่จะหูหนวก ตาบอดไม่ได้ จะต้องพิจารณาให้รอบด้านอย่าให้ใครมาวิ่ง ต้องเลือกคนทำงาน เพื่อให้เข้าไปทำงาน