กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.บก.ป., พ.ต.อ.อนุสรณ์ ทองไสย ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท. ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์, พ.ต.ท.วชิระ ศุภพิสิฐกุล, พ.ต.ท.กิตติภูมิ ศรีแผ้ว รอง ผกก.6 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.มนตรี สงคง สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.อ.วินัย ชูฟอง รอง สว.กก.6 บก.ป.พร้อมด้วยเจ้าพนักงานตำรวจ ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายอธิวัฒน์ฯ หรือเฮง อายุ 31 ปี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเองหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 107/2567 ลง 21 ก.พ.2567, ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.1378/2567 ลง 6 ส.ค.2567, ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 518/2567 ลง 16 ก.ย.2567 สถานที่จับกุม บริเวณหน้าร้านขายติ๋มซำแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง
พฤติการณ์ ตามนโยบายทางศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ANTI SCAM CENTER) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับมอบหมายให้มีการขับเคลื่อนนโยบายอย่างต่อเนื่อง ให้ทำการสืบสวนจับกุมการกระทำความผิดทางอาชญากรรมเทคโนโลยี นำโดย พ.ต.อ.อนุสรณ์ ทองไสย ผกก.6 บก.ป. ได้สืบสวนพบว่ามีบุคคลคนกระทำผิดเกี่ยวกับการหลอกลวง ลงทุน ทางออนไลน์ มีความเสียหาย เป็นวงกว้าง ต่อเนื่องหลายจังหวัด โดยมี อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่,อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา, อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต และมียอดความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้มีคำสั่งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหานี้
เมื่อได้รับคำสั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ชป.ตรัง สืบทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวคือ นายอธิวัฒน์ฯจึงทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหานี้ได้หลบหนีหมายจับมาทำงานรับจ้าง นั่งเคาน์เตอร์รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พัทลุง จึงได้เดินทางไปทำการตรวจพบตัวนายอธิวัฒน์ฯ ยืนอยู่หน้าร้านติ๋มซำ จึงได้แสดงตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม โดยจากการตรวจสอบพบว่านายอธิวัฒน์ฯ ได้มีหมายจับอีกจำนวน 2 หมาย มีการร้องทุกข์ไว้ในหลายพื้นที่ อยู่ในระหว่างออกหมายเรียก หมายจับ อีกในหลายพื้นที่ มีความเสียหายเป็นวงกว้างมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
จากการสอบถามนายอธิวัฒน์ฯ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จริง โดยได้ให้รายละเอียดแห่งการกระทำความผิดว่า เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2566 ตนเข้าไปติดต่อเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งชักชวนตนให้ไปเป็น แอดมิน มีรายได้สูง แต่ต้องเปิดบัญชีให้เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ไปจำนวน 5 บัญชี จนต่อมาทางเพจฯ ได้โอนเงินไห้ตนจำนวน 1,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทางไปยัง กรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยลงรถที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วไปขึ้นรถยนต์เก๋งซึ่งรออยู่แล้ว ไปส่งลงเรือข้ามไปยัง กรุงปอยเปต โดยไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวมีคนคุ้มกันแน่นหนา ซึ่งเมื่อไปถึงตนได้ถูกนำตัวไปควบคุมอยู่ในห้องแถวในหมู่บ้าน ซึ่งในนั้นมีคนไทยอยู่ประมาณ 100 กว่าคน ซึ่งจากการสอบถามทั้งหมดเป็นคนที่ถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า โดยชาวจีน เนื่องจากขณะที่อยู่ในหมู่บ้าน จะมีรถตู้มารับตนกับคนอื่นๆ ขึ้นรถตู้ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ชั้น 5 และทางชาวจีนจะมาเรียกขานชื่อและนำโทรศัพท์มาสแกนหน้า เสร็จก็จะให้กลับไปอยู่ในความควบคุมในหมู่บ้านเหมือนเดิม โดยตนอยู่ที่หมู่บ้านดังกล่าวเป็นเวลา 1 เดือน จนชาวจีนดังกล่าวแจ้งกับตนว่า ตนไม่สามารถสแกนหน้าได้แล้วให้เลือกว่าจะกลับบ้าน หรือจะไปเป็นแอดมิน ซึ่งตนขอกลับบ้าน ทางชาวจีนได้มอบเงินสดให้ตนจำนวน 3,000 บาท และปล่อยตนกลับบ้าน ซึ่งเมื่อกลับมาอยู่บ้าน ตนทราบว่าตนมีหมายจับ จึงได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จ.พัทลุง และถูกเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. จับกุมตัวดังกล่าว สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพข้อกล่าวหาช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.มนตรี สงคง สว.กก.6 บก.ป. โทร.086-9463968
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

