อึ้ง!! เด็กร้อยละ 23 เล่นตู้คีบตุ๊กตาประจำ ใช้เงินสูงสุด 3,000 บาทต่อครั้ง ขณะที่นักกฎหมาย ตำรวจ และภาคประชาสังคม ถามหาความชัดเจนเพื่อปกป้องเด็กเยาวชน

เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและภาคีเครือข่ายร่วมจัดกิจกรรม “ตู้คีบตุ๊กตาผิดกฎหมาย เราจะดีใจ…ดีไหมน้อ?”เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ 2568 ณ โถงลิฟต์แก้ว ชั้น G จามจุรี สแควร์ กรุงเทพฯ เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ตู้คีบตุ๊กตาเข้าข่ายการพนันและผิดกฎหมาย หรือไม่ คุณวศิณี สนแสบ ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน รายงานผลสำรวจประสบการณ์ตู้คีบตุ๊กตาและเครื่องเล่นต่างๆ ของเด็ก เยาวชนและผู้ปกครอง ด้านเด็กและเยาวชนพบว่า ร้อยละ 94 เคยเล่นตู้คีบและตู้เครื่องเล่นอื่นๆ ด้านความนิยมในการเล่นตู้คีบตุ๊กตาได้รับความนิยมสูงที่สุด ร้อยละ 61 โดยความถี่ในการเล่น  ร้อยละ 23 เล่นเป็นประจำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเล่นตู้เครื่องเล่นของเด็กและเยาวชนอยู่ที่ 100 บาทต่อครั้งต่อคน จ่ายมากที่สุด 3,000 บาทในครั้งเดียว ในด้านผู้ปกครอง ร้อยละ 47 มีประสบการณ์การเล่นจำนวนร้อยละ 49 เคยพาบุตรหลานไปเล่น ร้อยละ 60 เลือกจะอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ไม่มีการสอนบุตรหลาน ทั้งนี้ยังพบว่าทั้งผู้ปกครองและเด็กต่างใช้เงินเล่นตู้คีบและเครื่องเล่น โดยผู้ปกครองจ่ายมากที่สุด 200 บาท/ครั้ง/คน ร้อยละ 79 ไม่เคยได้ของรางวัลจากตู้ทุกประเภทร้อยละ 70 รู้สึกถูกเอาเปรียบจากตู้ที่เล่น

พ.ต.ท. สัญญพงษ์ โชติธันยพัฒน์ รอง ผกก.(สอบสวน) กองบัญชาการตำรวจ สอบสวนกลางกองกำกับการ 1 ยืนยันว่า ตู้คีบตุ๊กตาถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478บัญชี ข ข้อ 28 ถ้าจะมีการให้บริการจำเป็นต้องขออนุญาตกระทรวงมหาดไทย มีลักษณะของการพนัน เพราะทำให้เกิดการเสียทรัพย์สินจากการเล่น แม้ในทางปฏิบัติยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงตนว่าได้รับความเสียหายโดยตรงจากการเล่นตู้คีบหรือเครื่องเล่นเหล่านี้ก็ตาม อย่างไรก็ตามอยากให้มีความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติว่าตู้คีบตุ๊กตาหรือตู้เครื่องเล่นต่างๆ อะไรถูกหรือผิดกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าจับกุมหรือบังคับใช้กฎหมาย

คุณสรวิศ ปัญจมณีโชติ นายกสมาคมธุรกิจเครื่องเล่นเกมอาเขตและขายสินค้าอัตโนมัติกล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ประกอบธุรกิจ Family Entertainment Center (FEC) มากว่า 30 ปี มองว่า ตู้คีบตุ๊กตา เป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ตุ๊กตา Art toy และยังช่วยส่งเสริมศักยภาพให้กับพื้นที่ หรือ เป็น Entertainment ของศูนย์การค้าที่ให้บริการตู้คีบตุ๊กตา แต่ก็ยังมีความสับสนต่อกฎหมายที่บังคับใช้ในประเทศไทย ที่ชี้ว่าตู้คีบตุ๊กตาห้ามนำเข้าและการให้บริการตู้คีบตุ๊กตาผิดกฎหมาย แต่สามารถขออนุญาตได้  ตนในฐานะผู้ประกอบการอยากเรียกร้องให้ภาครัฐมีความชัดเจนเรื่องข้อกฎหมาย เราไม่มีเจตนาทำร้ายเยาวชน ยินดีที่จะเคารพกฎหมาย และพร้อมจะคุ้มครองเยาวชน

คุณธนภัทร เฉลิมรัตน์ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของเด็กและเยาวชนต่อตู้คีบตุ๊กตา ได้แสดงความกังวลว่า “แม้จะมีคำสั่งและประกาศว่าตู้คีบตุ๊กตาผิดกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง เรายังพบว่ากิจการตู้คีบตุ๊กตาหลายแห่งโดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า”ซ้ำร้ายยังมีตู้คีบตุ๊กตาออนไลน์ด้วย  ในฐานะที่เป็นเยาวชนมีความกังวลว่า จะสร้างนิสัยให้เยาวชนนำไปสู่การเล่นพนันออนไลน์ในรูปแบบอื่นๆ และอีกประเด็นหนึ่งคือ อินฟลูเอนเซอร์กับกลยุทธ์โฆษณาชวนเชื่อ เสี่ยงทำให้เด็กและเยาวชนติดกับดักการพนันได้ ซึ่งกลยุทธ์ที่เข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ และอาจผิดกฎหมาย มาตรา 12 พ.ร.บ. พนัน จึงอยากให้มีความชัดเจนเพื่อเป็นการปกป้องเด็กและเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

คุณธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน แสดงเจตจำนงในวงเสวนาครั้งนี้ว่า “มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน” ไม่ได้ต้องการต่อต้านการประกอบธุรกิจ ถ้าธุรกิจนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน แต่อยากให้สังคมตั้งคำถาม เอ๊ะ ว่า ตู้คีบตุ๊กตาและตู้คีบอื่นๆ เข้าข่ายการพนันไหม ? โดยภาพรวมทุกฝ่ายต่างมีความเห็นตรงกันว่า คำสั่งของภาครัฐที่ออกมายังไม่ชัดเจน ส่งผลให้ผู้ประกอบการและสังคมเกิดความสับสน ทั้งผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งเด็ก เยาวชน ว่า เป็นพนัน หรือไม่เป็นพนัน  และมีการอนุญาตอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ดี ประเด็นน่าพิจารณาคือ มีทางออกที่ชัดเจนกับเรื่องนี้หรือไม่ “ตู้คีบตุ๊กตา ตู้เครื่องเล่น ไม่เป็นพนัน ได้หรือไม่” ถ้าหากต้องเป็นพนัน จะเป็นพนันตามที่อนุญาตได้หรือไม่

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *