“ร่องเคาะโมเดล” พลังชุมชนสร้างสุขภาวะ บทเรียนความสำเร็จ จ.ลำปาง จากพื้นที่ที่เคยเต็มไปด้วยโรงเหล้าเถื่อน การดื่มแอลกอฮอล์คือวิถีชุมชน สู่ วันที่ ต.ร้องเคาะ อ.วังเหนือ ได้กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบ ‘ชุมชนต้นแบบสุขภาวะยั่งยืน’
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ณ วัดดอนแก้ว ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของการเสวนาที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ร่องเคาะโมเดล” ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นโมเดลชุมชนปลอดเหล้า แต่ยังเป็นต้นแบบของการสร้างสุขภาวะอย่างยั่งยืน บทความนี้ได้รวบรวมมุมมองและความเห็นจากทุกภาคส่วนที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในงานนี้
สสส. มอง “นิเวศสังคม” คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิด ประเด็นว่า ตำบลร่องเคาะเป็นพื้นที่ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าพลังของชุมชนสามารถเปลี่ยนแปลงค่านิยมและพฤติกรรมการดื่มได้จริง ผ่านมาตรการที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง เช่น งานบุญปลอดเหล้า ร้านค้าสีขาวกว่า 30 แห่ง และหลักสูตรท้องถิ่นเรื่อง “สุราและอุบัติเหตุ” ในโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ทำให้มีผู้เข้าร่วม “งดเหล้าเข้าพรรษา” ในปีนี้กว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริงทั้งด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต

“สิ่งที่เกิดขึ้นในตำบลร่องเคาะไม่ได้หยุดอยู่แค่การลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงการจัดการสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณขยะ และการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม จนร่องเคาะได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘โมเดลชุมชนสุขภาวะ” นายวิเชษฐ์ กล่าว
พร้อมย้ำว่า การแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างแท้จริงไม่สามารถทำได้เพียงการปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล แต่ต้องทำงานกับ “นิเวศสังคม” ไปพร้อมกัน เพราะหากสภาพแวดล้อมของสังคมดีขึ้น การแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
ด้าน นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬะหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก (สสส.) กล่าวเสริมว่า โครงการงดเหล้าเข้าพรรษาอยู่กับ สสส. มาตั้งแต่ปี 2546 และความสำเร็จที่เกิดขึ้นในร่องเคาะไม่ได้มาจาก สสส. เพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดจากทุกภาคส่วนที่ใช้โครงการนี้เป็น “เครื่องมือ” ในการดูแลตัวเอง ครอบครัว และชุมชน งานวิจัยยังยืนยันชัดเจนว่าการงดเหล้าเข้าพรรษาช่วยลดการบริโภคสุราของคนไทยลงได้ถึง 10% ซึ่งเป็นผลเชิงประจักษ์ที่ควรเดินหน้าต่อ
“ผลที่เกิดขึ้นชัดเจนมากค่ะ หลายคนที่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อลดละเลิกในช่วงเวลา 3 เดือน สุขภาพก็ดีขึ้นแน่นอน พื้นที่ตำบลร่องเคาะที่ได้เห็นในวันนี้ ก็คือ โมเดลแห่งความสำเร็จ เพราะไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการลดการดื่ม ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
“5 ให้” กลยุทธ์ระดับอำเภอสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
นายทศพล จักบุญมา นายอำเภอวังเหนือ กล่าวถึงนโยบายคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ว่า การขับเคลื่อนการทำงานไม่ได้เกิดจากการริเริ่มของฝ่ายอำเภอเพียงอย่างเดียว แต่มาจากพลังของชุมชนที่มีความเข้มแข็ง และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า “ชุมชนที่ลุกขึ้นมาจัดการตนเองได้ ย่อมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน” โดย อ.วังเหนือ ได้วิเคราะห์ปัญหาหลัก 3 ประเด็นที่เชื่อมโยงกับปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ การดูแลผู้สูงอายุ การป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และปัญหายาเสพติด

นายทศพล ชี้ว่า ทั้งหมดนี้จะบรรเทาลงได้หากสามารถลดการเข้าถึงปัจจัยเสี่ยงได้ อำเภอจึงได้ทำงานสอดรับกับ สสส. มาอย่างต่อเนื่อง 3 ปี โดยใช้ กลยุทธ์ “5 ให้” เป็นหลักในการรณรงค์ ได้แก่ 1.ให้แบบอย่าง: ผู้นำทุกระดับเข้าร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา 2.ให้ธรรมะ: พระสงฆ์ช่วยสอดแทรกเรื่องการงดเหล้าและจัดกิจกรรม “นายอำเภอพาเข้าวัด” 3.ให้ความปลอดภัย: เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดรักษาความปลอดภัยร่วมป้องกันปัญหา 4.ให้สุขภาพ: เครือข่ายสาธารณสุขและ อสม. สนับสนุนกิจกรรมด้านสุขภาพ 4.ให้กำลังใจ: เด็กและเยาวชนเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ
“เป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างชุมชนปลอดภัยและมีสุขภาวะ คือ งานสุขหรืองานเศร้า เหล้าไม่ใช่ที่พึ่งของพวกเรา” นายอำเภอวังเหนือ กล่าว
บทบาทสำคัญของ “บ ว ร” และความสามัคคีในชุมชน
พระครูวิสุทธิ์พัฒนโกวิท เจ้าคณะตำบลวังเหนือ กล่าวถึงบทบาทของพระสงฆ์ว่า ตำบลร่องเคาะมีจุดแข็งคือ “ความสามัคคี” ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทำให้โครงการต่าง ๆ ประสบความสำเร็จเสมอมา โครงการงดเหล้าเข้าพรรษาดำเนินการมาเกือบ 20 ปี ภายใต้สโลแกน “ตำบลร่องเคาะ ตำบลแห่งความสุข” โดยไม่เพียงแต่รณรงค์เรื่องเหล้าเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่การงดการจุดธูปในงานบุญเพื่อลดควันพิษ และการงดการเลี้ยงอาหารดิบในงานประเพณีเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
พระครูวิสุทธิ์พัฒนโกวิท เผยว่า จุดแข็งอีกอย่างของร่องเคาะคือโครงสร้าง “หนึ่ง-สาม-ห้า” ได้แก่ สถานีตำรวจ 1 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 3 แห่ง และโรงเรียน 5 แห่ง ซึ่งทำงานร่วมกับพลัง “บ ว ร” หรือ บ้าน วัด โรงเรียน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างจริงจัง ทำให้โครงการต่าง ๆ ได้รับการส่งต่ออย่างมีประสิทธิภาพไปยังทุกกลุ่มเป้าหมาย

สร้างภูมิคุ้มกัน เริ่มตั้งแต่วัยเยาว์
นางดวงใจ ดีพัฒนกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่สง กล่าวว่า โรงเรียนมองว่าการแก้ปัญหาต้องเริ่มที่ “ต้นเหตุ” นั่นคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ ผ่านหลักสูตรบูรณาการที่นำเรื่องเหล้าและอุบัติเหตุไปสอดแทรกในทุกวิชาเรียน คือ วิชาภาษาไทย ให้เด็กเขียนจดหมายถึงผู้ปกครอง เชิญชวนให้ลดเหล้า หรือเขียนเรียงความความรู้สึกเมื่อพ่อแม่เลิกเหล้า วิชาวิทยาศาสตร์ ให้เด็กเรียนรู้เรื่องสมุนไพรที่ช่วยลดความอยากเหล้าและบุหรี่ วิชาสุขศึกษา ให้เรียนรู้โทษของเหล้าและสารเสพติด วิชาศิลปะ ให้เด็กวาดภาพสะท้อนความรู้สึกต่อภัยจากเหล้า วิชาภาษาอังกฤษ ให้เรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
“ในโรงเรียน เราอาจสอนว่า ‘เหล้าไม่ดี เมาไม่ขับ’ แต่แค่โรงเรียนอย่างเดียวไม่พอ เราจึงใช้ ‘บ ว ร’ เป็นหลักเชื่อมโยงสำคัญ ทั้งบ้าน วัด ที่ทำงานร่วมกัน จะเป็นการถักทอตาข่ายแห่งความปลอดภัยจากความรักในบ้าน ความรู้จากโรงเรียน และคุณธรรมจากวัด เพื่อโอบอุ้มให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกัน” นางดวงใจ กล่าว
นายวิเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จของร่องเคาะเกิดจากการทำงานบูรณาการที่ชัดเจนของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ศูนย์เด็กเล็กที่ปลูกฝังจิตสำนึกด้วยนิทาน โรงเรียนที่สร้างภูมิคุ้มกันผ่านหลักสูตร วัดและพระสงฆ์ที่สอดแทรกคุณธรรม อบต.ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย และระดับอำเภอที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของทุกคนคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ‘ร่องเคาะโมเดล’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่า แต่คือบทเรียนที่สามารถขยายผลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนทั่วประเทศ ได้ร่วมกันสร้างสังคมไทยที่ปลอดจากปัจจัยเสี่ยงและเปี่ยมด้วยสุขภาวะอย่างแท้จริง