กรุงเทพฯ 30 พฤษภาคม 2568 – หัวเว่ย คลาวด์ ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) จัดงาน Huawei Cloud Summit Thailand 2025 เปิดตัวความร่วมมือเพื่อเร่งผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของอาเซียนอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวง DE รายงานความคืบหน้าของนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First) ตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างประเทศไทยที่ยั่งยืน ครอบคลุม และเต็มไปด้วยโอกาส โดยภาครัฐและเอกชนต่างเร่งนำคลาวด์และ AI มาใช้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว หัวเว่ย คลาวด์ ได้ประกาศเดินหน้าขยายความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรในประเทศอย่างลึกซึ้ง เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความอัจฉริยะผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยี การประยุกต์ใช้งานในภาคอุตสาหกรรม การสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง และการพัฒนาทักษะบุคลากร

โอกาสจาก AI เพื่อเร่งเครื่องสู่ศูนย์กลาง AI แห่งอาเซียน
ศ. วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดประทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI แห่งอาเซียน ด้วยนโยบาย Cloud First กลยุทธ์ด้าน AI การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศที่กำลังเติบโต ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ใช้เทคโนโลยีไปสู่ผู้พัฒนาขีดความสามารถ ซึ่งจะทำให้เกิดนวัตกรรมของไทยเองที่สามารถส่งต่อประโยชน์สู่ระดับโลก” พร้อมชื่นชมบทบาทของหัวเว่ย คลาวด์ ที่มีความมุ่งมั่นและต่อเนื่องในการส่งเสริมด้านนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทย
ทางด้าน นายซันนี่ ชั่ง (Sunny Shang) ประธานหัวเว่ย คลาวด์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวเสริมว่า: “ในยุคแห่ง AI ความอัจฉริยะนำมาซึ่งโอกาสมหาศาล สำหรับประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการเทคโนโลยี แต่ยังเป็นผู้ร่วมสร้างระบบนิเวศดิจิทัล เราจะร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรในประเทศเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความอัจฉริยะของประเทศไทย ผ่าน 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ การมีส่วนร่วมในระดับท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี การแบ่งปันประสบการณ์ และการร่วมกันสร้างระบบนิเวศ”

ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ย คลาวด์ ได้ให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,000 ราย และสร้างพันธมิตรกว่า 500 รายในประเทศไทย โดยครอบคลุมโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ สถาบันการเงินชั้นนำกว่า 80% และผู้ค้าปลีกชั้นนำกว่า 60% % ในประเทศไทย ต่างให้ความไว้วางใจเลือกใช้บริการคลาวด์จากหัวเว่ย
สร้างคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อก้าวสู่ยุคอัจฉริยะ
นายวิลเลี่ยม ตง (William Dong) ประธานของหัวเว่ย คลาวด์ มาร์เก็ตติ้ง ได้เปิดตัว 4 โซลูชันหลักในงาน ซึ่งครอบคลุมถึง พื้นฐาน AI ที่แข็งแกร่ง การพัฒนาแอปพลิเคชันอัจฉริยะ การจัดการข้อมูลอัจฉริยะ และการใช้งานคลาวด์ในทุกสถานการณ์ โดยเน้นว่า AI ได้กลายเป็นเทคโนโลยีรากฐานที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภาคอุตสาหกรรมและหัวเว่ย คลาวด์ กำลังก้าวสู่ยุค “AI-Native” อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในด้าน “Cloud for AI” และ “AI for Cloud”
• Cloud for AI คือ การเร่งการใช้งานกลยุทธ์ด้าน AI ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีแบบครบวงจรและแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ดีที่สุด
• AI for Cloud คือ การยกระดับบริการคลาวด์ของหัวเว่ยด้วย AI เพื่อให้บริการมีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น

โซลูชันหลักได้แก่:
• พื้นฐาน AI ที่แข็งแกร่ง: บริการ AI Cloud ของหัวเว่ย รองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 40 วัน พร้อมโมเดลพื้นฐานกว่า 160 แบบ ที่นำไปใช้จริงแล้วโดยบริษัท AI กว่า 1,000 ราย โมเดล Pangu ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้งานในหลากหลายกรณี เช่น การตรวจสอบรางรถไฟ การคาดการณ์อุณหภูมิเตาหลอมเหล็ก และการพยากรณ์อากาศ
• การพัฒนาแอปพลิเคชันอัจฉริยะ: เครื่องมือ CodeArts สนับสนุนการเขียนโค้ด ตรวจสอบ และทดสอบโค้ดด้วย AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงาน R&D ได้ถึง 30% โซลูชัน Flexus LLM ยังสนับสนุนองค์กรขนาดกลางและย่อมให้สามารถพัฒนา AI พร้อมมอบ 3 ความสามารถหลัก ได้แก่ Dify HA edition ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI การสร้าง ฐานข้อมูลความรู้ภายใน เพื่อให้ AI สามารถเรียนรู้และเข้าใจข้อมูลเฉพาะขององค์กร และการพัฒนา แอปพลิเคชันที่ปรับตามบริบทการใช้งาน (scenario-specific application development) ทั้งหมดนี้ช่วยให้ SMEs สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ได้อย่างครบวงจร
• การจัดการข้อมูลอัจฉริยะ: DataArts ได้รับการปรับปรุงเพื่อเป็นรากฐานข้อมูลที่เน้นความรู้และรองรับ AI ได้อย่างแท้จริง GaussDB ฐานข้อมูลคลาวด์แบบกระจาย มีความสามารถ multi-write แบบโปร่งใส ช่วยให้ระบบมีความเสถียรสูงและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
• การใช้งานคลาวด์ในทุกสถานการณ์: หัวเว่ย คลาวด์ สแต๊ก รองรับคลาวด์แบบไฮบริด สำหรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ ให้ภาคธุรกิจสามารถสร้างโมเดลของตนเองได้ในจุดเดียว ส่วน CloudDC ช่วยย้ายศูนย์ข้อมูลสู่คลาวด์ พร้อมระบบการจัดการที่แม่นยำและครบวงจร
ในงานยังมีการสาธิตให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการดำเนินชีวิตและการผลิต โดยหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (humanoid robot) สามารถร่วมมือกับมนุษย์ที่สวมมือกลอัจฉริยะเพื่อทำภารกิจที่ซับซ้อนได้อย่างน่าทึ่ง

เทคโนโลยีเพื่อสังคม: นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เทคโนโลยีคลาวด์และ AI ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ยังช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน นายอาข่า ได ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คลาวด์ ได้กล่าวถึงโครงการ “Cloud for Good” ของหัวเว่ย พร้อมยกตัวอย่างโครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น โซลูชันไร้กระดาษที่พัฒนาร่วมกับบริษัท Codium ซึ่งช่วยลดการใช้กระดาษลงได้ปีละ 18-25 ล้านแผ่น ในหน่วยงานรัฐกว่า 200 แห่ง และองค์กรเอกชนอีกกว่า 300 แห่ง คิดเป็นการช่วยรักษาต้นไม้ 2,000–3,000 ต้น และลดการปล่อยคาร์บอน 30–50 ตันต่อปี ปัจจุบัน หัวเว่ย คลาวด์ กำลังขยายความร่วมมือในประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น การอนุรักษ์ธรรมชาติ เกษตรอัจฉริยะ การเงินเพื่อสังคม การประหยัดพลังงาน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล เพื่อเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย
เปิดตัวโครงการ Cloud and AI Pioneer ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในงานนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ได้ประกาศความร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดตัวโครงการ “Cloud and AI Pioneer Initiative” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านคลาวด์และ AI จำนวน 30,000 คน ผ่านการจัดทำหลักสูตร การแข่งขันสำหรับนักพัฒนา และโครงการส่งเสริมทักษะต่าง ๆ ทั้งนี้ ภายในสิ้นปี 2568 หัวเว่ย คลาวด์ คาดว่าจะสามารถพัฒนานักพัฒนาด้านคลาวด์และ AI ในประเทศไทยได้กว่า 20,000 คน เพื่อสร้างระบบนิเวศบุคลากรที่ยั่งยืนและเข้มแข็งในระดับท้องถิ่น