โบลท์ (Bolt) มองเห็นโอกาสในอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน (Ride-hailing service) พร้อมบทบาทการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

กรุงเทพฯ กุมภาพันธ์ 2568 – อุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน หรือ Ride-hailing ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตในการเดินทางของผู้คนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก ความปลอดภัย และการเข้าถึงง่าย เพียงสัมผัสหน้าจอสมาร์ทโฟนไม่กี่ครั้ง ผู้ใช้บริการก็สามารถเรียกใช้บริการรถโดยสารได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยแอปพลิเคชันทำหน้าที่เป็นตัวกลางจับคู่ระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงเติบโตต่อเนื่อง โบลท์ได้เผยแพร่รายงาน Economic report ล่าสุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันที่มีต่อภาคเศรษฐกิจ ภาคแรงงาน และโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรม ตลอดจนโอกาสในการสนับสนุนและพัฒนาอย่างยั่งยืน

ด้วยความที่อุตสาหกรรมนี้มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ประชาชน และภาครัฐ ซึ่งแต่ละส่วนมีมุมมองและประเด็นที่แตกต่างกัน การศึกษาและพัฒนาโดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจึงมีความสำคัญ โดยพบว่าบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันมีบทบาทที่หลากหลาย ได้แก่

การสร้างโอกาสทางรายได้และการสนับสนุนเศรษฐกิจ

จากรายงานล่าสุดของ Oliver Wyman Mobility Forum คาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 อุตสาหกรรมการเดินทางร่วมกัน (Shared Mobility) จะสร้างโอกาสทางรายได้ให้ผู้ขับขี่ถึง 16 ล้านคนทั่วโลกโดย โดยประเทศไทยถือเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเติบโตของบริการในเมืองใหญ่ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และหาดใหญ่ รวมถึงเมืองรองอย่างเชียงราย และอุดรธานี ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 90%

ปัจจุบันแอปพลิเคชันเหล่านี้สร้างโอกาสทางรายได้ให้กับผู้ขับขี่กว่า 500,000 คนทั่วประเทศ โดยเติบโตในอัตราเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยผู้ขับขี่ที่มีอัตราการให้บริการ 75% มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในประเทศถึง 250% อุตสาหกรรมนี้คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมรายได้ภาษี 33 ล้านบาทต่อปี และยังสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านการซื้อรถ การเช่าซื้อ และการบำรุงรักษา มูลค่าประมาณ 55,000 ล้านบาทต่อปี

เสริมศักยภาพเมืองและเศรษฐกิจท้องถิ่น โบลท์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ Ride-hailing ชั้นนำในประเทศไทย ระบุว่าการเดินทางที่สะดวกขึ้นส่งผลโดยตรงต่อการใช้จ่ายของประชาชนและนักท่องเที่ยว “บริการของเราช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง ลดต้นทุนด้านเวลา และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ขับขี่มีรายได้ที่มั่นคงและผู้โดยสารได้รับบริการที่ปลอดภัยและรวดเร็ว” ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทยกล่าว Ride-hailing ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกในการเดินทาง แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและภาคการท่องเที่ยว จากข้อมูลพบว่า 60% ของผู้ใช้บริการเลือกใช้ Ride-hailing อย่างน้อยเดือนละครั้ง ในขณะที่ 25% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 17,800 ล้านบาท ให้แก่ธุรกิจในประเทศ

การลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคลและแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรม

การเติบโตของ Ride-hailing ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จากการสำรวจผู้ใช้บริการชาวไทย 1,200 คน พบว่า 12.5% ของผู้ที่ไม่มีรถยนต์ระบุว่าเคยขายรถยนต์ไปแล้ว และ 23% ของกลุ่มที่มีรถยนต์กำลังพิจารณาขายรถ เนื่องจากสามารถใช้บริการเรียกรถทดแทนได้

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมยังเผชิญอุปสรรคหลายประการ โดยเฉพาะด้านการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะที่มีข้อจำกัดจากกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์การให้บริการในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความซับซ้อนของกระบวนการและเงื่อนไขในการจดทะเบียน ข้อกำหนดด้านเอกสารประกอบที่เป็นอุปสรรคต่อผู้ขับขี่ ตลอดจนปัญหาค่าเบี้ยประกันภัยที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบอาชีพในลักษณะไม่เต็มเวลา (part-time)

“การขับรถรับจ้างผ่านแพลตฟอร์มช่วยสร้างรายได้เสริมที่เกื้อหนุนธุรกิจหลักในฐานะเจ้าของร้านสะดวกซื้อ รายได้เสริมนี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงทางการเงินได้อย่างมาก” คุณพลวัฒน์ พงษ์อัครภาคิน ผู้ขับขี่จากกรุงเทพฯ ที่ให้บริการมา 1 ปี 3 เดือน กล่าว

เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันให้มีเสถียรภาพและสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกรอบกฎหมายและกระบวนการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดความซับซ้อนของกระบวนการจดทะเบียน การทบทวนเงื่อนไขด้านเอกสารประกอบการจดทะเบียนให้เหมาะสมกับสภาพการณ์จริง และการกำหนดมาตรการสนับสนุนด้านต้นทุน เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าสู่ระบบได้สะดวก ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล

จากผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นได้ยืนยันถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้แก่ผู้ขับขี่และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคล บรรเทาปัญหาการจราจร และสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

โบลท์มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่กับการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งด้านการขนส่ง ความปลอดภัย การพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาโซลูชันดิจิทัลเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแนวทางการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพจากภาครัฐ โดยมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้โดยสาร ผู้ขับขี่ ผู้ให้บริการ ไปจนถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *