วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 นายณัฏฐ์วัฒน์ อึ้งอาภากุล รองนายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ กล่าวว่า ตนในฐานะหนึ่งใน 13 ล้านรายชื่อที่ร่วมลงนามสนับสนุน และขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อสิบกว่าปีก่อน และอยู่กับผลกระทบ อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขับคนขับรถสาธารณะ แท็กซี่ มาโดยตลอด เห็นว่ารัฐบาลไม่ควรเพิ่มเวลาขายเหล้าเบียร์ เพราะมันคือการเพิ่มคนเมา คนขาดสติในสังคมและท้องถนน ตอนนี้แม้ยังไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลขยายวเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉพาะในร้านอาหาร 5 พื้นที่นำร่อง ปิดผับ บาร์ตี 4 หรือทั่วประเทศ ซึ่งหากเป็นอย่างหลังถือว่าอันตรายมาก เพราะแค่การนำร่องปิดผับตี 4 ในพื้นที่นำร่องยังไม่เห็นมีการประเมินผลเลยว่าบวกหรือลบอย่างไร ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน ยังจะมาขยายเวลาในร้านอาหารทั่วไปอีก เท่ากับว่าอนุญาตให้ผับ บาร์ทั่วประเทศเปิดได้ถึงตีสี่ด้วยใช่หรือไม่
ล่าสุด ยังมีพบว่ามีข้อเสนอของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล้าที่ต้องการให้ยกเลิกเวลาห้ามขายช่วงบ่ายเข้ามาอีก ภายใต้กฎหมายเมาแล้วขับและการบังคับใช้ที่อ่อนแอขนาดนี้คนเมาคงเต็มถนน เราจะเอาตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่ไหนไปเฝ้าระวัง ยกตัวเอย่างเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ที่มีการใช้กำลังคนจำนวนมากแต่ก็ยังมีสถิติอุบัติเหตุบาดเจ็บ เสียชีวิตบนท้องถนนจำนวนมาก หากขยายเวลาให้ขายได้โดยไม่มีการควบคุมทั้งเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล กู้ภัย ตำรวจ ฝ่ายปกครองคงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว และเชื่อว่าจะรับไม่ไหวแน่ เพราะที่บอกว่า ดื่มแบบรับผิดชอบมันไม่มีอยู่จริง เป็นแค่คำพูดที่สวย ๆ ที่ผลักความรับผิดชอบให้ผู้บริโภค แต่คนขายแทบไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ดังนั้น ในนามของสมาคมฯ เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่เห็นว่ารัฐควรเร่งออกกฎหมายเอาผิดร้านที่จำหน่ายให้คนเมาหรือเด็กแล้วไปเกิดเหตุชนคนตาย บาดเจ็บ เหมือนที่หลายประเทศเขาทำ หรือการเพิ่มโทษเมาแล้วขับให้ติดคุกจริง ไม่รอลงอาญา
“รัฐบาลอย่ามองแต่เศรษฐกิจ ที่ผ่านมารัฐไปดูแลคนที่เป็นเหยื่อจากเหล้าเบียร์มากน้อยแค่แค่ไหน มันน้อยมาก พวกเขาต้องต่อสู้กันเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเครือข่ายต่าง ๆ ที่ร่วมกันสู้กันมาก่อนจะมีกฎหมายควบคุม เราต้องมารวมตัวกันใหญ่อีกครั้ง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข เราจะมารวมกันโดยไม่มีสีเสื้อ หรือจุดยืนทางการเมือง เพราะเราทุกคนเห็นปัญหานี้ร่วมกันแล้วว่า ผลกระทบจากเหล้านั้นมีมากแค่ไหน จากนี้คนขับแท็กซี่จะได้รับผลกระทบแน่ ๆ เพราะความไม่ปลอดภัยลนท้องถนนที่มากขึ้น” นายณัฏฐ์วัฒน์ กล่าว
ด้าน นางสาวประภาพร ผลอินทร์ แกนนำเครือข่ายไรเดอร์ย่านฝั่งธน กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่เหมาะเพราะถ้าเพิ่มเวลาขายเหล้า ขยายพื้นให้กว้างไปทั้งประเทศให้คนกินดื่มได้โดยไร้ข้อจำกัด จะสร้างผลกระทบที่ไม่ควรจะเกิดแน่นอน ทั้งอุบัติเหตุ และการก่ออาชญากรรม จากการขาดสติเพราะมึนเมา ทำให้คนติดเหล้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับสุราเพิ่มขึ้น เช่น โรคตับ โรคระบบหัวใจ ระบบเส้นเลือดในสมองและอื่นๆ แม้ว่าการเพิ่มเวลาขายเหล้าอาจจะทำให้ไรเดอร์มีรายได้เพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อเทียบกับผลเสียหายที่สังคมโดยรวมต้องแบกรับและเราเองต้องเสี่ยงมากขึ้นบนท้องถนน จากปัจจุบันที่เสี่ยงมากอยู่แล้ว ดังนั้นกลุ่มไรเดอร์ฝั่งธนยินดีเข้าร่วมคัดค้านนโยบายนี้ทุกรูปแบบ และหวังว่าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่พิจารณาเรื่องนี้ มีมติที่ยืนเคียงสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน
“นี่ถือเป็นนโยบายที่ไม่คุ้มค่า ทำให้ประเทศเสียหายและจะแย่ลงในอนาคต หรือว่ารัฐบาลอยากจะมอมเมาประชาชน เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งก็อยากให้มีเวลา ปิด – เปิด กลับไปเหมือนเดิม ส่วนที่นำร่องไปแล้วหากประเมินผลออกมาว่าได้ไม่คุ้มเสียก็ควรยกเลิกซะดีกว่า” ไรเดอร์ย่านฝั่งธน กล่าว