เมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้องประชุมร่วมใจพัฒน์ วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ลงพื้นที่ส่งเสริมให้ความรู้แก่นักเรียนนักศึกษา ในกิจกรรม ‘มือบังคับรถ กฎบังคับใจ ขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยในตนเอง’ ที่จัดโดยครูและนักศึกษาแกนนำ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักเรียนอาชีวศึกษา ป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) ในสถานศึกษา ระยะที่ 2 โดยมีวิทยากรจากสาธารณสุข อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจภูธรวัฒนานคร มาให้ความรู้และร่วมมอบหมวกกันน็อก 100 ใบ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้ในการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์
นางสุพัตรา พันธุ์อำนวย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักการสนับสนุนควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก (สสส.)กล่าวว่า สสส. ทำงานในเรื่องของการสร้างเสริมสุขภาพ ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อุบัติเหตุ รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการทำงานด้านการขับเคลื่อนป้องกันนักดื่มและนักสูบหน้าใหม่ สสส.ดำเนินการมาต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะมองเห็นว่าเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของธุรกิจยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเห็นได้จากสถานการณ์การสูบบุหรี่และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เห็นว่าเป็นกลุ่มเยาวชนเพิ่มมากขึ้น สสส.จึงเน้นให้ความสำคัญ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เด็กเยาวชนเข้ามาสูบและดื่ม จากที่ได้ลงพื้นที่มาเห็นกิจกรรมที่นักศึกษาจัดขึ้นครั้งนี้ มองว่าเป็นกิจกรรมที่ดีอย่างมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ ได้ร่วมกันคิดและวางแผนลงมือทำ
“กิจกรรมนี้สะท้อนให้เห็นว่าเด็ก ๆ มีแนวคิดที่จะดูแลตัวเอง เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าอย่างมาก และยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยใช้พื้นที่หรือกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อนำพาตัวเขาและเพื่อน ๆ คนรอบข้างห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงทั้งปัจจุบันและอนาคต ขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจนักศึกษาและวิทยาลัยในการจัดกิจกรรมที่ดีเช่นนี้ต่อไป” นางสุพัตรา กล่าว
นายนนท์พันธุ์ พิมพา ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว กล่าวว่า ทางวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนให้ดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักเรียนอาชีวศึกษา ป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) ในสถานศึกษา จนเกิดเป็นกิจกรรม “มือบังคับรถ กฎบังคับใจ ขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยในตนเอง”ทางวิทยาลัยต้องขอบคุณ สสส. ที่สละเวลามอบหมวกกันน็อกที่ได้มาตรฐานและสวยงามให้กับวิทยาลัย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้นำไปใช้สำหรับขับขี่หรือซ้อนจักรยานยนต์มาเรียน ขอขอบคุณที่ช่วยกันดูแลลูกหลานเยาวชน เพื่อหวังว่านักศึกษาทุกคนจเป็นเยาวชนที่เก่ง ดี มีความสุข และเป็นกำลังให้กับประเทศชาติต่อไป สำหรับในวันนี้หลังได้รับหมวกกันน็อก จะมีการจัดกิจกรรมเพ้นท์หมวก เพื่อสื่อสารโทษพิษภัยของสารเสพติด เหล้า บุหรี่ และนำหมวกกันน็อกไปแจกให้นักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ต่อไป
ด้าน นายไมตรี แสนวันนา ครูวิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว ครูแกนนำผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวถึงการเข้าร่วมโครงการฯ กับ สสส. ว่า ได้รับคำเชิญให้พานักศึกษาเข้าร่วมในการอบรมเพื่อเป็นแกนนำนักศึกษา เป็นปีที่ 2 แล้ว โดยคัดเลือกนักศึกษาไปเข้าร่วมรับความรู้จากวิทยากร และนำมาขยายผลต่อจนเกิดเป็นกิจกรรมวันนี้ โดยมีทั้งการให้ความรู้เรื่องพิษภัยของเหล้าและบุหรี่ การสวมใส่หมวกกันน็อกเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ในกลุ่มนักศึกษาที่มีความเสี่ยง ซึ่งถือว่ามีประโยชน์กับวิทยาลัยอย่างมากกับทางวิทยาลัย
“วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว เป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่ อยู่ใจกลางจังหวัด มีเด็กจากหลายอำเภอเดินทางมาเรียน และที่ผ่านมาวิทยาลัยพบปัญหาเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่จักรยานยนต์บ่อยครั้ง เนื่องจากนักศึกษาต้องเดินทางไกล จากการได้ดำเนินโครงการนี้ช่วยให้อุบัติเหตุลดลง ซึ่งถือว่ามีประโยชน์กับวิทยาลัยอย่างมาก” นายไมตรี กล่าว
นางสาวกัลยาณี แสงตะเคียน นักศึกษา ปวส.1 แผนกโลจิสติกส์ วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว ผู้เข้าร่วมอบรมนักศึกษาแกนนำ กล่าวว่า โครงการที่ร่วมกันจัดขึ้นครั้งนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันอันตรายจากการขับขี่ยานพาหนะ และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา เนื่องจากปัจจุบันที่วิทยาลัยพบว่านักศึกษานำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาใช้มากขึ้นกว่าบุหรี่มวน และเพื่อน ๆ หลายคนไม่สวมหมวกกันน็อก จึงพยายามหาวิธีที่ทำให้เพื่อน ๆ ซึ่งเป็นวัยรุ่นเหมือนกันเลิกใช้บุหรี่ไฟฟ้า และร่วมกันสวมหมวกกันน็อก
“หนูจะพยายามบอกเขาว่าการที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าหลายคนชอบคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน จะพยายามให้ข้อมูลว่ามีโทษเหมือนกัน แม้บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีกลิ่นเหม็นที่ดูเหมือนไม่อันตราย แต่จริง ๆ แล้วมีอันตรายต่อร่างกายเช่นกัน จะพยายามบอกเขาว่าถ้ายังไม่เลิกลองลดก่อนดีไหม จะได้ไม่เป็นการหักดิบ และบอกว่าการสูบในสถานศึกษาเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องภาพลักษณ์และสุขภาพ เนื่องจากพวกเรายังเป็นนักศึกษาอยู่” นางสาวกัลยาณี กล่าว