ฮิลตันเปิดตัวต้นแบบห้องพักชุดใหม่ของภูมิภาคในแบรนด์ ฮิลตัน การ์เดน อินน์ เพื่อขยายโอกาสการเติบโตของแบรนด์ในประเทศไทย

กรุงเทพฯ, 18 สิงหาคม 2566 – Hilton (NYSE: HLT) หรือ ฮิลตัน บริษัทด้านการบริหารจัดการโรงแรมที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จัดงานพบปะนักพัฒนาและเจ้าของกิจการจากประเทศไทยและประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 100 รายเพื่อแนะนำต้นแบบห้องพักชุดใหม่สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในแบรนด์ฮิลตัน การ์เดน อินน์ หนึ่งใน 22 แบรนด์โรงแรมชั้นนำของฮิลตัน

งาน Hilton Garden Inn Roadshow จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ มีการนำเสนอแผนกลยุทธ์สำหรับการขยายธุรกิจของแบรนด์ ฮิลตัน การ์เดน อินน์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยข้อเสนอในการทำธุรกิจในแบบ แฟรนไชส์ และการทำข้อตกลงร่วมเพื่อบริหารโรงแรม และเน้นย้ำถึงความสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่เจ้าของกิจการ โดยทางแบรนด์ฯมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการให้เข้ากับภูมิภาคเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของแขกผู้เข้าพักที่หลากหลาย พร้อมแสวงหาโอกาสทางธุรกิจจากตลาดเกิดใหม่ทั้งภายในประเทศ และทั่วทั้งภูมิภาค

ฮิลตัน การ์เดน อินน์: การแข่งขันเพื่อความเติบโต

มูลค่าการบริโภคภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนับว่ามีโอกาสเติบโตสูงถึง 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในอีกหนึ่งทศวรรษข้างหน้าจากจำนวนประชากรชาวเอเชียกว่าหนึ่งพันล้านคนที่จะเข้าสู่สถานะชนชั้นกลางภายในปี พ.ศ. 2573 รวมถึงผลลัพธ์จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และทางเลือกในการเข้าพักที่เน้นความคุ้มค่าเป็นสำคัญในหมู่ชนชั้นกลางที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น เปิดโอกาสให้แบรนด์โรงแรมที่ได้รับระดับรางวัลการันตีอย่าง ฮิลตัน การ์เดน อินน์ มีโอกาสประสบความสำเร็จเพิ่มอย่างทวีคูณจากการให้บริการที่พักเหนือระดับในราคาที่เข้าถึงได้ สิ่งอำนวยความสะดวกที่คำนึงถึงผู้เข้าพักเป็นสำคัญ และการให้บริการที่สดใสและมีชีวิตชีวา

มร. กาย ฟิลลิปส์ รองประธานอาวุโสด้านการพัฒนา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศจีน) ฮิลตัน ได้กล่าวว่า ในทุกโอกาสทางธุรกิจทั่วโลกที่ฮิลตันได้มีโอกาสเข้าไป แบรนด์ฮิลตัน การ์เดน อินน์มักเป็นแบรนด์แรกของฮิลตันที่ได้รับเลือกจากนักลงทุนสำหรับการเปิดโรงแรมในตลาดรองหรือตลาดลำดับสามอยู่เสมอ “ฮิลตัน การ์เดน อินน์ คือแบรนด์ที่มีความลงตัวสำหรับเจ้าของกิจการและนักเดินทาง ซึ่งพิสูจน์ได้จากความสนใจ และความตื่นเต้นของผู้เข้าร่วมงานจากการจัดงานเปิดตัวต้นแบบห้องพักที่กรุงเทพฯในวันนี้” มร. ฟิลลิปส์ กล่าว

“กลุ่มเจ้าของกิจการหลายรายได้แสดงความคิดเห็นกับเราว่า ความสนใจของพวกเขาที่มีต่อการลงทุนในแบรนด์ฮิลตัน การ์เดน อินน์ อาทิ ต้นแบบห้องพักที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างและชิ้นส่วนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการได้ และความยืดหยุ่นในการทำข้อตกลงร่วมธุรกิจทั้งในแบบแฟรนไชส์ และการร่วมบริหารโรงแรม รวมถึงศักยภาพของแบรนด์ที่จะได้ประโยชน์จากการบริหารงานด้านการขาย และการตลาดของกลุ่มฮิลตัน และการปรับตัวของแบรนด์ให้เข้ากับความต้องการของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่ช่วยรับประกันความสำเร็จในระยะยาว” มร. ฟิลลิปส์ กล่าวปิดท้าย

โรงแรมที่จะยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าพัก

ต้นแบบห้องพักใหม่ของภูมิภาคในแบรนด์ ฮิลตัน การ์เดน อินน์นำเสนอนวัตกรรมด้านการออกแบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักเพื่อยกระดับประสบการณ์ของแขก และสร้างผลตอบแทนด้านการลงทุนที่คุ้มค่า องค์ประกอบหลักของแบรนด์ได้ถูกสร้างขึ้นจากการทำวิจัยในกลุ่มลูกค้า และศึกษาข้อมูลในเชิงลึก แผนการทำงานของแบรนด์ที่เน้นการให้ความสำคัญกับภูมิภาคโดยเฉพาะ นับเป็นการผนวกให้เข้ากันอย่างไร้รอยต่อกับมาตรฐานระดับโลกของ ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ที่เน้นการให้คุณค่าในความเป็นท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละประเทศ

“นักเดินทางในวันนี้ล้วนมองหาคุณภาพ การออกแบบ ความสะดวกสบาย และที่สำคัญที่สุดคือความคุ้มค่าในการเข้าพัก” มิสเจนนี ไมโลส์ รองประธาน ฝ่ายการจัดการแบรนด์สวีตส์แอนด์โฟกัสเซอร์วิสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฮิลตัน กล่าว โดยได้กล่าวเสริมอีกว่า “จากการทำวิจัยของเรา ของใช้ภายในห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก การออกแบบ และการตกแต่ง ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจของกลุ่มลูกค้าคนไทยในการจัดอันดับ และการเลือกเข้าพักในโรงแรมที่ราคาอยู้ในระดับเดียวกัน โดยข้อมูลเชิงลึกดังกล่าวได้ส่งผลต่อการพัฒนาต้นแบบห้องพักของเรา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากกลุ่มเจ้าของธุรกิจ นักพัฒนาธุรกิจ และผู้ให้คำปรึกษา เป็นต้น”

“ประเทศไทยยังเติบโตได้ดีในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในระดับแนวหน้าของภูมิภาค กับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มีจำนวนเกือบเท่ากับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดของปีที่ผ่านมา จากมุมมองนี้ทำให้เห็นว่าทางเลือกของนักเดินทางในการมองหาที่พักเหนือระดับและคุ้มค่าเป็นประเด็นที่เราต้องให้ความสำคัญ” มร. บิลล์ บาร์เน็ต ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมการบริการผู้มากประสบการณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks กล่าวแสดงความคิดเห็น โดยเขาได้กล่าวต่อว่า “ผมเห็นว่าประเทศไทยคือภาพที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ที่จะลงหลักปักฐานทางธุรกิจ และได้รับส่วนแบ่งในตลาดที่ขยายตัวด้วยเหตุผลจากปัจจัยด้านต้นทุนที่ไม่สูงนักและยังมีโอกาสสำหรับการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สามารถดึงดูดเจ้าของกิจการโรงแรมที่ลงทุนเป็นครั้งแรก หรือผู้ที่มีประสบการณ์ลงทุนมาแล้วอย่างมากมาย”

ปัจจุบัน ฮิลตัน การ์เดน อินน์ มีโรงแรมเปิดให้บริการแล้วภายใต้ชื่อแบรนด์รวม 75 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีโรงแรมที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาอีกถึงกว่า 130 แห่ง ในปี พ.ศ. 2566นี้ ทางแบรนด์ได้ให้การต้อนรับแขกผู้เข้าพักมาแล้วเกือบ 2 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียแปซิก ทั้งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ได้เข้าไปเปิดตัวในตลาดใหม่ และเมืองตั้งต้นสำคัญในประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย โดยในปี พ.ศ. 2566 นี้ จะมีการเปิดตัวโรงแรม ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ดานัง ประเทศเวียดนาม สำหรับประเทศไทย จะมีการเปิดให้บริการของฮิลตัน การ์เดน อินน์ถึง 4 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ (ถนนเจริญนคร) ฮิลตัน การ์เดน อินน์ อ่าวนาง กระบี่ ฮิลตัน การ์เดน อินน์ รามอินทรา กรุงเทพฯ และฮิลตัน การ์เดน อินน์ พัทยา ภายในปีต่อไป

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *