ประเทศไทย – เฮงเค็ล เผยยอดขายและกำไรในครึ่งปีแรกของปี 2566 ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทายอย่างยาวนาน โดยยอดขายกลุ่มเติบโตจากภายใน ร้อยละ 4.9 เป็น 10.9 พันล้านยูโร และกำไรจากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 เป็น 1,254 ล้านยูโร
คาร์สเทน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฮงเค็ล กล่าวว่า “เราบรรลุการเติบโตอย่างมั่นคงในทุกหน่วยธุรกิจ ในขณะเดียวกัน เราสามารถเพิ่มการทำกำไรได้สำเร็จแม้จะมีต้นทุนวัสดุและโลจิสติกที่สูง จากผลประกอบการในครึ่งปีแรกของเรา เรามั่นใจสำหรับครึ่งปีที่เหลือและเราได้เพิ่มแผนกระตุ้นยอดขายและกำไรสำหรับทั้งปี”
“เราสามารถดำเนินการตามแผนเติบโตเชิงกลยุทธได้เป็นอย่างดีในช่วงครึ่งปีแรก สำหรับหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์ เราได้รวมธุรกิจเร็วกว่าที่ได้วางแผนไว้ ในขณะเดียวกันเราได้ขยายพอร์ตโฟลิโอของเราเข้าสู่แบรนด์และสินค้าที่มีกำไรและการเติบโตสูง สามารถเห็นได้จากกำไรที่ได้จากหน่วยธุรกิจ สำหรับหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว เราได้ปรับให้บทบาทหน้าที่ของคนในองค์กรของเรามีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นเพื่อเพิ่มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตและการเป็นผู้นำในระดับโลก นอกจากนี้เรายังขับเคลื่อนการริเริ่มที่สำคัญในด้านความยั่งยืนและการนำดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน” คาร์สเทน โนเบล กล่าวเสริม
ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลตั้งเป้าเพิ่มยอดขายจากภายในประมาณร้อยละ 2.5 ถึง 4.5 ในปีงบประมาณ 2565 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 1-3) สำหรับหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงร้อยละ 2-4 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 1-3) ในส่วนหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์อยู่ระหว่างร้อยละ 3-5 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 1-3) ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับแล้ว (EBIT margin) ตั้งเป้าเพิ่มเป็นร้อยละ 11.0-12.5 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ10.0-12.0) สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีกาวตั้งเป้าเพิ่มผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับแล้วเป็นร้อยละ 13.5-15.0 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 13.0-15.0) และหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์เพิ่มเป็นร้อยละ 9.5-11.0 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 7.5-9.5) ในส่วนของการเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ปรับแล้ว (EPS) ในอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เฮงเค็ลตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ +5 ถึง ร้อยละ +20 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ -10 ถึง +10)
ยอดขายกลุ่มจำนวน 10,926 ล้านยูโรในครึ่งปีแรกของปี 2566 สูงขึ้นกว่าปีก่อนร้อยละ 0.1 (ไตรมาส 2: 5,316 ล้านยูโร เป็นจำนวนร้อยละ -5.8) ตัวเลขนี้สอดคล้องกับการเติบโตของยอดขายจากภายในที่ร้อยละ 4.9 (ไตรมาส 2: ร้อยละ 3.2) อัตราการแลกเปลี่ยนต่างประเทศส่งผลในแง่ลบต่อการพัฒนายอดขาย ร้อยละ -2.5 (ไตรมาส 2: ร้อยละ -5.8) การเข้าซื้อธุรกิจและการถอนการลงทุนลดจำนวนยอดขายถึง ร้อยละ -2.2 (ไตรมาส 2: ร้อยละ -3.2)
การเติบโตของยอดขายในครึ่งปีแรกได้รับการขับเคลื่อนจากทุกหน่วยธุรกิจ ธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีการเติบโตของยอดขายอย่างมั่นคงที่ร้อยละ 4.7 จากหน่วยธุรกิจยานยนต์ & อิเล็กทรอนิกส์ และช่างฝีมือ และช่างก่อสร้างและช่างมืออาชีพ สำหรับคอนซูเมอร์แบรนด์ได้บรรลุเป้ายอดขายภายในที่เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.7 จากหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และธุรกิจดูแลเส้นผม
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 การเติบโตของยอดขายภายในของภูมิภาคยุโรปพุ่งถึงร้อยละ 2.4 (ไตรมาส 2: ร้อยละ 0.8) ในส่วนประเทศ อินเดีย ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา (IMEA) มียอดขายภายในเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.7 (ไตรมาส 2: ร้อยละ 23.6) ภูมิภาคอเมริกาเหนือเติบโตถึงร้อยละ 3.8 (ไตรมาส 2: ร้อยละ 0.9) ภูมิภาคละตินอเมริกาเติบโตถึงร้อยละ 13.2 (ไตรมาส 2: ร้อยละ 9.4) ในทางกลับกัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมียอดขายภายในติดลบอยู่ที่ ร้อยละ -2.7 (ไตรมาส 2: ร้อยละ -0.6) โดยมากเป็นผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทายในประเทศจีน ส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับแล้ว (EBITที่ปรับแล้ว) เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกถึงร้อยละ 7.6 เป็นจำนวน 1,254 ล้านยูโร เทียบกับปีที่แล้วที่จำนวน 1,166 ล้านยูโร กำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการพัฒนาราคาขาย เงินเก็บที่ได้จากการรวมกันของหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์และการพัฒนาให้พอร์โฟลิโอก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด
เฮงเค็ลยังคงขับเคลื่อนกลยุทธ์ของวาระการเติบโตอย่างมีเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าที่ดีในทุกด้าน การควบรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและธุรกิจบิวตี้แคร์ เป็นหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์ เดินหน้าไปได้เร็วกว่าที่วางแผนไว้ นอกจากนี้ เฮงเค็ลยังให้ความสำคัญกับพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคอีกด้วย โดยแบรนด์และกิจกรรมที่มียอดขายรวมประมาณ 500 ล้านยูโร ได้ถูกขายหรือยุติลง นับตั้งแต่มีประกาศการควบรวมกิจการของธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์
ในขณะเดียวกัน เฮงเค็ลได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอ ด้วยการเข้าซื้อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน Earthwise ในประเทศนิวซีแลนด์ และการเข้าซื้อกิจการธุรกิจดูแลเส้นผมโปรเฟสชันแนลของชิเซโด้ในเอเชียแปซิฟิคเมื่อปีที่แล้ว
เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน เฮงเค็ลมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมที่แข็งแกร่งในธุรกิจที่น่าสนใจ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ทั้งสองหน่วยธุรกิจที่เติบโตอีกครั้งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ในธุรกิจเทคโนโลยีกาว ตัวอย่างเช่น โซลูชันนวัตกรรมของเฮงเค็ลที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 70 ในช่วงหกเดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์แบรนด์ แบรนด์ Persil มีการเติบโตของยอดขายปกติเป็นเลขสองหลัก ซึ่งสนับสนุนโดยการเปิดตัวใหม่ด้วยเทคโนโลยีเอนไซม์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเปิดตัวใน 30 ประเทศ
“โดยรวมแล้ว เราภูมิใจในผลประกอบการทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้ง ความก้าวหน้าที่เราได้ดำเนินตามวาระเชิงกลยุทธ์ ถึงแม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากอย่างต่อเนื่อง” คาร์สเทน โนเบล กล่าว