กรุงเทพฯ (23 พฤษภาคม 2566) – UCC ผู้คิดค้นนวัตกรรมกาแฟดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับทุกสิ่งที่เกี่ยวกับกาแฟ เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม Thaifex โดยจัดบูธแสดงสินค้า B2C และ B2B งาน Thaifex เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 60,000 คน และผู้จัดแสดงสินค้า กว่า 2,700 ราย จาก 40 ประเทศเข้าร่วมงานเพื่อแสดงนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยบูธของ UCC นำเสนอจุดยืนของแบรนด์ในการให้บริการด้านกาแฟแบบครบวงจร
UCC ไม่เพียงนำเสนอเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยม กาแฟผสมสูตรเฉพาะและอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟเท่านั้น แต่รวมถึงทีมแชมป์เปี้ยนบาริสต้าผู้มากด้วยประสบการณ์อีกด้วย ซึ่งบรรดาแชมป์บาริสต้าจะมอบคำแนะนำ และสนับสนุนธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่า UCC จะสามารถมอบประสบการณ์กาแฟแบบเหนือระดับให้แก่ลูกค้า ในงาน Thaifex ครั้งนี้ จะมีการเปิดให้ชิมกาแฟ โดยมีแชมป์เปี้ยนบาริสต้าระดับภูมิภาคทั้ง 5 ท่านเข้าร่วมด้วย ซึ่งพวกเขาได้แสดงถึงเอกลักษณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจกาแฟของUCC และมาตรฐานระดับสูงของกาแฟคราฟท์สไตล์ญี่ปุ่น ด้วยสูตรกาแฟที่รังสรรค์มาอย่างดี และการสกัดกาแฟ specialty โดยใช้กาแฟผสมสูตรพิเศษที่ได้รับรางวัลมาแล้ว โดยแชมป์บาริสต้าผู้เข้าร่วมงานมีดังนี้
– คุณ Yi Shan Yangแชมป์ World Siphonist Championship ปี 2017 (สาธิตการชงกาแฟ Siphon)
– คุณ Lin Shao Sing แชมป์ World Latte Art Championship ปี 2022 และ รองอันดับ 3 Taiwan Brewers Cup Championship ปี 2019 (สาธิตการชงกาแฟ Latte Art และ Brewer)
– คุณ ณัฏฐินี เจียรนันท์ แชมป์ National Latte Art Championship ปี 2019 และ 2022 (สาธิตการชงกาแฟ Latte Art)
– คุณ Elaine Wong แชมป์ Hong Kong Siphonist Championship ปี 2015 (สาธิตการชงกาแฟ Siphon)
– คุณ Chikako Nakai แชมป์ Japan Siphonist Championship Champion ปี 2019 และแชมป์ Japan Brewers Cup Championship ปี 2018 (สาธิตการชงกาแฟ Brewer)
นอกจากการชงกาแฟระดับรางวัลแชมป์เปี้ยนแล้ว เหล่าบาริสต้ายังเตรียมแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านกาแฟ และเทคนิคการชงกาแฟสูตรต่างๆ และพูดคุยเกี่ยวกับโซลูชันแบบครบวงจรของ UCC ซึ่งรวมถึงโครงการด้านความยั่งยืน เช่น กระเป๋าผ้าที่ทำจากกากกาแฟ และเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟที่ช่วยลด carbon footprint
ในส่วนของการสาธิตการชงกาแฟ แชมป์บาริสต้าได้ใช้เมล็ดกาแฟแบบยั่งยืน ได้แก่ Thai Honey Catimor & Bourbon และ Signature Blends รวมถึงเมล็ดกาแฟญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยล้วนแล้วแต่เป็นเมล็ดกาแฟเพื่อความยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมาย SDG ขององค์กรสหประชาชาติ และสอดคล้องกับพันธกิจของแบรนด์ในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อผู้คนและโลกของเรา ซึ่งจะช่วยสร้างอนาคตที่ดีกว่าแก่ทุกคน นอกจากนี้ UCC ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมาย ทั้งในหมวดเครื่องชงกาแฟและหมวดผลิตภัณฑ์กาแฟ ซึ่งรวมไปถึงรสใหม่ คือ อิตาเลียน โรสต์ กาแฟคั่วเข้มระดับพิเศษภายใต้กลุ่มสินค้า Roast Master ได้แก่ เมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด และกาแฟดริป โดยผลิตภัณฑ์นี้ มีความโดดเด่นด้านรสชาติที่เข้มข้น ซ่อนด้วยรสช็อคโกแลตและถั่ว ทำให้รสชาติเข้ากับนมได้อย่างลงตัว สินค้ากลุ่ม Roast Master พร้อมวางจำหน่ายแล้วตามร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์
UCC Group ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1933 และฉลองครบรอบ 90 ปีในปีนี้ บริษัทมีปณิธานในการส่งมอบกาแฟคุณภาพทุกช่วงเวลา โดยทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเพาะปลูก มีส่วนร่วมในการผลิตกาแฟท้องถิ่นในแต่ละประเทศ การจัดหาวัตถุดิบ วิจัยและพัฒนา กระบวนการคั่วและแปรรูปกาแฟ การจัดจำหน่าย การประกันคุณภาพของอุปกรณ์ ไปจนถึงส่งเสริมวัฒนธรรมกาแฟและให้ความรู้
“UCC มีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาแบรนด์ในตลาดประเทศไทย” คุณ คิโนะชิตะ โนบุโอะ Country Head ประจำประเทศไทย กล่าว “เราได้เห็นถึงการตอบรับอย่างล้นหลามของคอกาแฟและความเป็นไปได้ในการเติบโตและพัฒนาของวัฒนธรรมกาแฟ นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องการแบ่งปันความหลงใหลในกาแฟ เช่นเดียวกับเอกลักษณ์ด้านความเชี่ยวชาญในกาแฟที่แข็งแกร่งและมาตรฐานระดับสูงของกาแฟคราฟท์จากญี่ปุ่นร่วมกับคนรักกาแฟในไทย เราเชื่อว่ากาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม และเราต้องการแบ่งปันประสบการณ์และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวกับกาแฟ เพื่อที่เราจะได้ร่วมกันเสริมสร้างการพัฒนาวัฒนธรรมกาแฟที่ให้เติบโตยิ่งขึ้น”
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน UCC Group มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการของอุตสาหกรรมกาแฟและมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค บริษัทมุ่งมั่นมองหาโอกาสใหม่ๆ ในด้านกาแฟอย่างไม่หยุดยั้งและสร้างคุณค่าผ่านนวัตกรรมกาแฟ เช่น กาแฟบรรจุสุญญากาศแห่งแรกในญี่ปุ่น และ สถาบันเพื่อการศึกษาด้านกาแฟโดยเฉพาะ (Coffee Academy) บริษัทให้ความสำคัญตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบจนถึงการส่งมอบสินค้าทั่วโลก โดยสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมกาแฟในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ UCC ในปี 2023 นี้ เพื่อให้ผู้คนและธรรมชาติเติบโตและงอกงามอย่างยั่งยืน