คณะทำงานพม. ห่วงเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย เสนอ 3 ข้อ ต่อกมธ. หวั่นความคิดสังคมผิดเพี้ยน ความเหลื่อมล้ำสูง ผลประโยชน์กระจุกตัวด้าน “เครือข่ายเยาวชนฯ” ปฏิเสธร่วมวง กมธ. หลังถูกเท ด้อยค่าการศึกษาผลกระทบ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่รัฐสภา คณะทำงานเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันออนไลน์ในเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำโดย นางสาวอังคณา ใจกิจสุวรรณ รองปลัดกระทรวง พม. ในฐานะประธานคณะทำงานฯ เสนอข้อห่วงใยในที่ประชุม ต่อปัญหาและผลกระทบจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ในฐานะคณะทำงานฯ กล่าวว่า กรณีมีการผลักดันให้เปิดกาสิโนถูกกฎหมายนั้นทำให้เครือข่ายฯ มีข้อห่วงใย 3 ประการคือ 1.จะทำให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน มีทัศนคติและความเข้าใจที่สับสนและคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการพนัน จากความถูกผิด เล่นเพื่อความบันเทิง มาเป็นการเล่นพนันเพื่อหวังความร่ำรวย 2.หากไม่สามารถจำกัดผู้เข้าไปเล่นได้ จะส่งผลให้มีจำนวนคนเล่นการพนันเพิ่มสูงขึ้น มีผู้เสพติดพฤติกรรมเล่นการพนันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อย ขณะที่ระบบบริการทางสังคมและสาธารณสุขยังไม่เพียงพอ เสี่ยงเปิดปัญหาสังคมมากขึ้น และ 3.จะทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มมากขึ้น ผลประโยชน์จะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการ แม้อาจจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นบ้างแต่ก็เป็นประเภทการทำงานที่มีความเสี่ยง
ดังนั้น คณะทำงานฯ ได้มีข้อเสนอต่อกมธ. 3 ข้อ คือ
1.กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ให้มีทัศนคติที่ถูกต้องและเหมาะสม มีความรอบรู้เท่าทันการพนัน ความรอบรู้ทางการเงิน รวมถึงมีการสื่อสารรณรงค์ให้สังคมเห็นถึงปัญหาที่เกิดจากการพนันทั้งต่อตัวเองและสังคม มีหน่วยบริการทางสุขภาพ และสวัสดิการทางสังคมที่เพียงพอ โดยมีนโยบายและแนวทางที่เป็นรูปธรรม มีหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
2.กำหนดให้มีหน่วยงานกำกับควบคุมการพนันที่เชื่อถือไว้วางใจได้ มีประสิทธิภาพในการควบคุม วางกฎกติกา และกำหนดความรับผิดชอบของผู้ประกอบกิจการ เพื่อป้องกันการสร้างผลกระทบต่อผู้เล่น ครอบครัว และสังคม และ
3.ต้องจัดให้มีการทำประชามติ ตามครรลองของกฎหมาย ก่อนตัดสินใจอนุญาตให้มีการเปิดคาสิโนในประเทศไทย
ด้าน นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า วันนี้ทางตัวแทนเยาวชนยังต้องการจะบอกว่าเราตัดสินใจไม่เข้าร่วมด้วย เพราะมีความเคลือบแคลงใจว่า กรรมาธิการไม่มีความจริงใจในการศึกษาอย่างรอบด้าน จากกรณีที่มีการยุบคณะศึกษาพิจารณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ไปรวมกับคณะศึกษาพื้นที่ความเป็นไปได้และหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร โดยอ้างเหตุผลว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติให้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการได้แค่ 4 คณะนั้น แสดงถึงการไม่ให้ความสำคัญต่อการศึกษาการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบ เพราะคณะอนุกรรมาธิการอื่น ๆ มีเรื่องพิจารณาศึกษาที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เช่น คณะที่ 1 ศึกษากฎหมาย การจัดเก็บรายได้และภาษี คณะที่ 2 ศึกษาพื้นที่ความเป็นไปได้และหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการเปิด คณะที่ 3 ศึกษาการลงทุนและรูปแบบสถานบันเทิง และคณะที่ 4 ศึกษารูปแบบธุรกิจเกม
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า จะเห็นว่าทั้ง 4 คณะที่คงเอาไว้นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของรูปแบบ ประเภทกิจการ เรื่องกฎหมาย การจัดเก็บรายได้ ภาษี ต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องพิจารณาที่ใกล้เคียงกัน แต่กลับไม่พิจารณายุบคณะที่ศึกษาเรื่องใกล้เคียงกันมารวมกัน แต่เลือกที่จะยุบคณะศึกษาพิจารณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบ ไปรวมกับการศึกษาพื้นที่ความเป็นไปได้ ด้วยเจตนาทำให้เรื่องนี้มีความสำคัญน้อยลงใช่หรือไม่ เราจึงขอปฏิเสธจะเข้าร่วมคณะทำงาน