กรุงเทพฯ – เฮงเค็ลประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย ยอดขายของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ประมาณ 20,100 ล้านยูโร เติบโต 7.8% เมื่อเทียบกับปี 2563
คาร์สเทน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฮงเค็ล เปิดเผยว่า “เรามียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นคงที่ และมีผลกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ (earnings per preferred share) เพิ่มขึ้นอย่างมาก และนี่คือความสำเร็จของทีมเฮงเค็ลทั่วโลกของเรา เราได้ร่วมกันขับเคลื่อนวาระการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายของเรา แม้แต่ในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ ผมขอขอบคุณพนักงานทุกคนสำหรับการมีส่วนร่วมอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะพนักงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญของเราให้สามารถดำเนินการต่อไปได้”
ดีมานด์ในภาคอุตสาหกรรมและร้านทำผมฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีผลในเชิงบวกอย่างยิ่ง ในหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ความต้องการสินค้าหลายประเภทกลับมาอยู่ในรูปแบบปกติมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563
หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว มียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก เติบโต 13.4% ด้วยแรงหนุนหลักจากดีมานด์ในภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ยอดขายในหน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์เติบโต 1.4% ในขณะที่การฟื้นตัวของธุรกิจร้านทำผมมีผลในเชิงบวก ธุรกิจผู้บริโภคของบิวตี้แคร์ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความต้องการในหมวดบอดี้แคร์ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติและมีการเติบโตที่ลดลง
ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เติบโต 3.9% โดยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทั้งในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
ในขณะเดียวกัน ผลกระทบของราคาวัตถุดิบและราคาโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตลอดจนผลกระทบของสกุลเงินก็ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรในปีงบประมาณ 2564 ด้วยปริมาณการขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การขึ้นราคา การจัดการต้นทุนเชิงรุก และการปรับโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้เฮงเค็ลสามารถชดเชยผลกระทบต่อรายได้เป็นอย่างดี
กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted operating profit) เพิ่มขึ้น 4.2% เป็น 2.7 พันล้านยูโร ผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้ว (adjusted return on sales) อยู่ที่ 13.4% จากระดับปีก่อนหน้า และกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว (adjusted earnings per preferred share) เพิ่มขึ้นเป็น 4.56 ยูโร ซึ่งสอดคล้องกับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญที่ 9.2% ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่
แนวโน้มสำหรับปีงบประมาณ 2565 ที่เผยแพร่ไปแล้วเมื่อปลายเดือนมกราคม ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนและความผันผวนของตลาดสูง และผลกระทบของการเพิ่มขึ้นอย่างมากในต้นทุนวัตถุดิบและโลจิสติกส์ บริษัทฯ คาดว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) จะเติบโตในช่วง 2 ถึง 4% และผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT margin) ระหว่าง 11.5 ถึง 13.5% ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลคาดว่ากำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ (EPS) ที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ในช่วงระหว่าง -15 ถึง +5% (ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่) ในปีงบประมาณ 2565