มาโน โพลกิง ภูมิใจที่นักเตะทีมชาติไทย แสดงความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรับออกมา ในเกมที่เสมอกับเวียดนาม 0-0 และผ่านเข้าชิงไปด้วยสกอร์รวม 2-0 พร้อมขอคว้าแชมป์เพื่อแฟนบอล และฉัตรชัย บุตรพรม ที่ช่วยทีมจนได้รับบาดเจ็บหนัก
“ผมดีใจและภูมิใจมากกับนักเตะในทีมทุกคน มันเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยม เราอาจจะเล่นได้ดีกว่านี้ ครองบอลได้ดีกว่านี้ แต่สุดท้ายเราเข้าชิง เรามีสกอร์ตุนไว้แล้วสองลูก วันนี้มันเป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยมในแบบของเรา เราช่วยกันเล่นเกมรับ ทำงานเป็นทีม รับแรงกดดันจากเวียดนามได้ดี โดยเฉพาะในครึ่งหลัง ขอชื่นชมทุกคน เราดีใจมากที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่ข่าวร้ายคือ เราต้องเสีย ฉัตรชัย ที่มีอาการบาดเจ็บ และดูท่าว่าน่าจะหนัก เราต้องขอบคุณเขาที่ป้องกันจังหวะนั้นให้เรา เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อให้ได้แชมป์ และเพื่อบอยที่รับบาดเจ็บหนักในเกมนี้” มาโน กล่าว
“เรารู้ดีว่าเกมจะเป็นแบบไหน หลังจากที่เราเตรียมทีมกันมาสองวัน เราต้องพยายามรับมือ เรารู้ว่าพวกเขาจะมาเล่นเกมรุก โดยเฉพาะ 5 คนข้างหน้ามีแต่ตัวรุกทั้งนั้น พวกเขาจะต้องพยายามสร้างโอกาส แต่การเปลี่ยนตัวของเราในช่วงพักครึ่ง มันช่วยเราได้เยอะ โดยเฉพาะการลงไปของ เอเลียส ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของสองกองหลัง ทำให้เรารับมือกับบอลยาวของเวียดนามได้ดี ส่วน พิธิวัตต์ เขาเปรียบเสมือนนักรบ ที่คอยปกป้องแนวรับของเรา และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมเองไม่อยากพูดแบบนี้ แต่ว่าการเล่นของเขายอดเยี่ยม มันคือระดับสุดยอด เรารับเป็นทีม มีวินัย และต้องชื่นชมทุกคนที่ทำได้สำเร็จ”
“ผมถูกจับตาว่าเป็นโค้ชที่เล่นเกมรุก แต่วันนี้เราแสดงให้เห็นว่าทีมของเราก็เล่นเกมรับได้ดี ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์เราไม่ได้มีเวลามากมายเหมือนทีมอื่น ในการซ้อมแท็คติก หรือระบบตามที่เราต้องการ แต่ในตอนนี้มันเป็นไปในทิศทางที่ดี ถ้าหากเรามีเวลามากกว่านี้ เราก็หวังว่ามันจะดีกว่าที่เป็น แต่ต้องชื่นชมทุกคน โดยเฉพาะเกมรับวันนี้”
“เกมนี้เป็นหนึ่งในเกมที่ยากเพราะเรารู้ดีว่าเราต้องเจอกับอะไร ทั้งความกดดัน และการเปิดเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรก เรามีเป้าหมายชัดเจนว่าเราต้องรับความกดดันตรงนี้ให้ได้ มันเป็นบททดสอบที่ดีสำหรับเรา ที่ต้องเล่นเกมรับให้ดี และทุกคนก็แสดงให้เห็น ว่าเราทำได้”
“สำหรับรองชิงไม่มีใครเป็นต่อ แม้เราจะมาในฐานะทีมที่เต็ง แต่เกมรอบชิง มันเป็นทีมที่ดีทั้งสองทีม อินโดนีเซียเป็นทีมที่ดี ผมได้ดูพวกเขามาสามเกมแล้ว ทั้งรอบแบ่งกลุ่ม และรอบรองชนะเลิศทั้งสองนัด เพราะฉะนั้น มันอันตราย และยากสำหรับเรา แต่สำหรับเราตอนนี้เราต้องพักฟื้นร่างกาย มันไม่ได้อยู่ที่การซ้อม เราต้องวางแผนให้ดีเพื่ออีกสองเกมในนัดชิงและเล่นให้ได้ตามแผนที่เราวางไว้”
สำหรับทีมชาติไทย จะแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของศึกชิงแชมป์อาเซียน 2020 กับ ทีมชาติอินโดนีเซีย โดยจะแข่งขันเลกแรกในวันที่ 29 ธันวาคม 2564 และเลกที่สองวันที่ 1 มกราคม 2565 ณ สิงคโปร์ เนชั่นแนล สเตเดียม เวลา 19.30 น. ทั้งสองแมตช์ ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ AIS Play