กรุงเทพฯ – การเติบโตของประชากร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกคน เมื่อเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ เฮงเค็ลเชื่อว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมมือกันและค้นหาโอกาสในการกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน
นายแอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัทเฮงเค็ล กล่าวว่า “ความยั่งยืนคือความท้าทายร่วมกัน ดังนั้นจึงเป็นงานที่ต้องร่วมมือกัน ที่เฮงเค็ล เราพยายามมากยิ่งขึ้นในการฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศเชิงบวก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน และทำให้เกิดความก้าวหน้าทางสังคมในชุมชนของเรา”
ด้วยความมุ่งมั่นไปสู่ความยั่งยืน เฮงเค็ลมีส่วนสนับสนุนการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาระดับโลกของสหประชาชาติ ความสมดุลระหว่างความสำเร็จทางเศรษฐกิจ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคมได้รับการยึดไว้อย่างลึกซึ้งในค่านิยมองค์กรและมรดกของเฮงเค็ลที่มีมายาวนานกว่า 140 ปีนับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2419
เพื่อลดการปล่อย CO2 และจำกัดภาวะโลกร้อน เฮงเค็ลได้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ระยะยาวในการเป็นบริษัทที่มีสภาพภูมิอากาศเชิงบวกภายในปี พ.ศ. 2583 ตัวอย่างเช่น บริษัทตั้งเป้าที่จะลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในโรงงานผลิตลงร้อยละ 65 ภายในปี พ.ศ. 2568 และลดลงร้อยละ 75 ภายในปี พ.ศ. 2573 (ปีฐานที่ พ.ศ. 2553) ภายในปี พ.ศ. 2568 เฮงเค็ลยังตั้งเป้าที่จะให้บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดสามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ในขณะที่ใช้พลาสติกรีไซเคิลมากขึ้นในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ เฮงเค็ลยังให้คำมั่นในการจัดหาวัสดุต่างๆ ด้วยความรับผิดชอบร้อยละ 100 ภายในปี พ.ศ. 2568 และอีกหนึ่งประเด็นที่มุ่งเน้นคือการส่งเสริมสิทธิสตรีผ่านโครงการ Schwarzkopf “Million Chances” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มขีดความสามารถของเด็กหญิงและสตรีด้วยการสนับสนุนการศึกษาและการฝึกทักษะ
ตัวอย่างโครงการทางด้านความยั่งยืนที่เฮงเค็ล ประเทศไทย
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกของบริษัทฯ เฮงเค็ลประเทศไทยกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดเพื่อก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
ในขณะเดียวกัน เฮงเค็ลประเทศไทยได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการริเริ่มทางด้านความยั่งยืนต่างๆ ที่โรงงาน ซึ่งรวมถึงการนำน้ำเย็นกลับมาใช้ใหม่ การติดตั้งหลอดไฟ LED และการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ให้น้อยลง โรงงานผลิตทั้งในส่วนกาวและบิวตี้แคร์ได้ตั้งเป้าหมายในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และซื้อไฟฟ้าจากผู้ให้บริการพลังงานหมุนเวียนภายในปี พ.ศ. 2565 ในขณะเดียวกันโรงงานผลิตของบิวตี้แคร์ได้ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Schwarzkopf Extra Care โดยการใช้ฝาพลาสติกขนาดเล็กที่มีน้ำหนักน้อยลงกว่าเดิมร้อยละ 43
พนักงานของเฮงเค็ลประเทศไทยซึ่งได้รับการฝึกอบรมให้เป็นทูตด้านความยั่งยืนได้เข้ามามีบทบาทอย่างเต็มที่ในชุมชนท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2563 พนักงานจากเฮงเค็ล ประเทศไทย และมูลนิธิฟริตซ์ เฮงเค็ล สติฟตุง บริจาคเงินประมาณ 395,000 บาท ให้กับสภากาชาดไทยเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และเพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการกำลังใจซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พนักงานอาสาสมัครจาก Beauty Care Professional ได้จัดชั้นเรียนฝึกทักษะการทำผมสำหรับผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำจังหวัดชัยนาทเพื่อช่วยให้พวกเขาได้กลับคืนสู่สังคม เฮงเค็ล ประเทศไทย ยังได้เริ่มการรณรงค์ทั่วทั้งบริษัทฯ เพื่อส่งเสริม 3Rs ในการ Reduce Reuse และ Recycle โดยแนะนำให้พนักงานทิ้งขยะพลาสติกที่จุดรวบรวมที่ปั๊มน้ำมันและสนับสนุนความพยายามในการรีไซเคิลพลาสติกต่างๆ ของ Less Plastic Thailand, Green Road, Precious Plastic Bangkok, Won Project, และ Little Bee Hero