Diet Doctor Center ศูนย์สุขภาพโภชนบำบัดครบวงจร เปิดตัวการรักษาผู้ป่วยเบาหวานและลดน้ำหนักผ่านโภชนบำบัด แนะเป็นทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน

​นพ.วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลปิยะเวท และนางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานร่วมกันเปิดศูนย์ Diet doctor center ศูนย์สุขภาพโภชนบำบัดครบวงจร การรักษาผู้ป่วยเบาหวานและลดน้ำหนักผ่านโภชนบำบัด แนะเป็นทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยโรคอ้วน โรคเบาหวาน กลับมามีคุณภาพชีวิต และมีสุขภาพดี โดยไม่ต้องใช้ยาในการรักษาอีกต่อไป ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคแทรกซ้อนอื่นๆ มีทีมแพทย์ พยาบาล นักโภชนาการ ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดกับผู้เข้าร่วมโปรแกรมจนร่างกายสู่ภาวะปกติ ไม่กลับมาเป็นหรือเสี่ยงเป็นเบาหวานอีก ในงานมี คุณจ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร มาร่วมแชร์ประสบการณ์วิธีการดูแลสุขภาพห่างไกลจากโรคเบาหวาน และร่วมฟังเสวนาจากทีมแพทย์ร่วมด้วยผู้ป่วยที่เข้าโปรแกรมโภชนาการบำบัดพบทางเลือกใหม่ ที่ Diet Doctor Center ชั้น 4 ศูนย์สุขภาพตรัยญา (ตึกหลัง) โรงพยาบาลปิยะเวท ถนนพระราม 9

​นพ.วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลปิยะเวท ได้เผยถึงความสำคัญในการเปิดศูนย์ว่า “เราได้เห็นตัวเลขสถิติในประเทศไทย ขณะนี้มีคนป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ที่เรียกว่า NCD หรือโรคไม่ติดต่อเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกือบทุกประเทศประสบปัญหาเหล่านี้ทั้งสิ้น ในไทยพบคนป่วยโรคเบาหวานใกล้เข้าไป 5 ล้านคน ส่วนคนที่เป็นโรคอ้วนหรือภาวะอ้วน BMI เกิน 25 มีประมาณ 20 ล้านคน คนคิดแต่เรื่องการหายาดีๆ พัฒนายาดีๆ อะไรขึ้นมารักษา แท้จริงแล้วคำตอบอยู่ที่ต้นเหตุของปัญหาพฤติกรรมสุขภาพของผู้คน วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ชีวิตรีบเร่ง รีบร้อน แข่งขันสูง ความเครียด พักผ่อนน้อย ส่วนอาหารต่างๆ ตามโฆษณาขายกัน จนอาหารหลักได้รับไม่เพียงพอ คนอายุ 60-70 ปี ทานอาหารไม่เป็น ถ้าทานเป็นแล้วต้องไม่ป่วยเพื่อให้คนที่ป่วยอยู่ สามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น”

​ “Diet Doctor Center ศูนย์สุขภาพโภชนบำบัด ได้ร่วมทำกับทีมแพทย์ ซึ่งสนใจในการเรื่องการใช้โภชนาการบำบัดในการรักษาโรคเรื้อรังศูนย์จะให้คำแนะนำโภชนาการบำบัดเราเน้นให้คนไข้ปรับพฤติกรรม ลดอาหาร ออกกำลังกาย ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอนอนหลับเต็มที่ สิ่งเหล่านี้ทำให้สุขภาพดีขึ้นมาก” นพ.วิทิต กล่าวทิ้งท้าย

นพ.ธนศักดิ์ ยิ้มเกิด ผู้ร่วมก่อตั้ง Diet Doctor Center ได้กล่าวถึงสาเหตุ และการใช้โภชนาการบำบัดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 รักษาให้หายได้ว่า “เบาหวานจะมี 2 ประเภทหลักๆ คือ เบาหวานชนิดที่ 1 ร่างการขาดฮอร์โมน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดคืออินซูลิน ส่วนเบาหวานชนิดที่ 2 ร่างกายมีอินซูลินเยอะ แต่ร่างกายต่อต้านอินซูลิน จึงไม่สามารถเอาน้ำตาลออกจากกระแสเลือดเขาไปภายในเซลล์ ได้ ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทั้ง 2 โรคอันหนึ่ง อินซูลินขาด และอินซูลินเกิน แสดงอาการเหมือนกันน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น

เราได้รับการสอนทางการแพทย์มากว่า 40ปี ว่าการรักษาเบาหวานต้องควบคุมน้ำตาลในเลือด ดังนั้นเรามียาลดน้ำตาลในเลือดมากมายที่จะกดน้ำตาลในเลือด ในมุมมองของคุณหมอการที่ใช้ยากดน้ำตาลในเลือดลง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาการดื้ออินซูลินที่เป็นสาเหตุของเบาหวานเลย โรคเบาหวานชนิดที่2 สาเหตุการดื้ออินซูลินจริงๆเกิดจากการรับประทานอาหารหรือโภชนาการที่ผิด ประเด็นหลักร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารมากจนเกินไป ดังนั้นหลักการรักษาเบาหวานจึง “ไม่ใช่การเพิ่มยาหรือเพิ่มอินซูลิน” เพื่อทำให้ร่างกายเก็บพลังงานในร่างกายจุดหลักเราต้องระบายพลัง งานที่เก็บสะสมออกมา”

โดยในงานนี้ยังได้รับเกียรติจาก 2 ผู้ป่วยที่ผ่านโปรแกรมโภชนบำบัด มาร่วมแชร์ความรู้และวิธีการเข้ารับการบำบัดอย่างถูกวิธี จนประสบความสำเร็จร่างกายกลับมาสู่ภาวะปกติหายขาดจากการเป็นโรคเบาหวาน

นพ.พิชิต ลิมปิเวช แพทย์ศัลยกรรมกระดูก รพ.ศูนย์พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลกได้เปิดเผย ถึงการรักษาในครั้งนี้ว่า “ประมาณ 16ปีก่อน ผมเกิดปัญหาสุขภาพขึ้นหลังจากนั้นก็กินยาเบาหวานความดันไขมันโรคหัวใจมาตลอดไม่เคยหยุด เชื่อทุกอย่างที่แพทย์ผู้รักษาบอก ไม่เคยมีข้อโต้แย้ง ปัญหาที่พบในตัวผมและพบในคนไข้ทั่วๆไปด้วยคือคุมน้ำหนักตัวไม่ได้และคุมเบาหวานไม่ได้จากยาเบาหวานที่เคยกินเม็ดเดียวมาตลอดจนสุดท้ายกินถึง7เม็ดต่อวันก็ยังไม่ได้ผลและแพทย์แนะนำให้เพิ่มเม็ดที่8 ผมคาดเดาว่าถ้าไม่ได้ผลต่อไปผมถูกฉีดอินซูลินแน่นอน บังเอิญโชคดีมากที่ได้พบข้อแนะนำและบทความต่างๆจาก คุณหมอธนศักดิ์ซึ่งเปลี่ยนวิถีชีวิตผมและครอบครัวโดยสิ้นเชิง เพียงอาทิตย์แรกผมหยุดยาเบา หวานได้และหลังจากนั้นผมไม่ต้องกินยาเบาหวานสักเม็ดเลย และน้ำตาลสะสมจากเดิมที่กินยาไม่เคยขาด ที่อยู่ระหว่าง 7.3ถึง9.8 ตลอด16 ปี ลดลงได้เหลือแค่ 6.1 %โดยใช้เวลาไม่ถึง3 เดือนดี

นายแพทย์ชนกนัยน์ อรัญวาสน์

​มีหลักฐานผลตรวจชัดเจนระยะแรกที่หยุดยาผมกลัวๆกล้าเลยต้องเจาะเลือดทุก 2 อาทิตย์ และเห็นผลเลือดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องน้ำหนักตัวที่ลดยากเย็นสามารถลงได้เกือบ20กิโลกรัมและโรคเบาหวานก็ดีขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ได้ใช้ยาใดๆ นอกจากนี้การทำตามคำแนะนำของหมอทำให้ผมรู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้น ตื่นนอนสดชื่นทำงานมีพลังมากกว่าเดิม อยากออกกำลังกายมากขึ้นมีความสุขขณะออกกำลังกาย ซึ่งต่างไปจากเดิมที่เคยเสียเงินเป็นสมาชิก fitness center เป็นปีแต่ไปไม่ถึง10ครั้งเพราะไม่มีเวลา และรู้สึกไม่มีความสุขจากการทำเท่าที่ควร
​ปัจจุบัน LDL จากเดิมที่อยู่ระหว่างกินยารักษา 37-72มาตลอด ขึ้นไป170 Cholesterolจากเดิม100+-10 ขึ้นไป200กว่า แต่ผมเชื่อคุณหมอไม่กลัวแล้ว อัตราส่วน triglecerideต่อ HDLเหลือแค่ 0.83เท่านั้น เดิมตอนกินยายังเกือบ 2 หรือ 2 กว่าๆ แอบเจาะ blood insulin 5.6 ได้1ครั้งการเจาะinsulin ที่รพ.ผมเป็นอะไรที่ยุ่งยากเพราะต้องผ่านการอนุมัติจากผู้อำนวยการเลยเจาะได้1ครั้งความจริงอยากทำมาก เพราะจะได้ดูการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ระดับ ketoneในเลือดหลังสุด1.5 ปัจจุบันยากินเหลือaspirinตัวเดียวที่บางวันก็ลืมกิน โดยตั้งใจไม่ตั้งใจบ้าง ข้อมูลแบบนี้ของหมอ
ถ้าผมรู้มานานกว่านี้​ พ่อผมที่เสียชีวิตตอนอายุ 65 คุณแม่ 55 พี่ชาย 48 น้องชาย 59 ทุกคนมีโรคเดียวกันหมดเบาหวานความดันเส้นเลือดหัวใจอุดตันน้องมีเพิ่มchronic renal failureและเสียชีวิตเพราะเลือดออกในสมอง​คนเหล่านี้ชีวิตยืนยาวกว่านี้แน่ทุกคนเหล่านี้รักษาและปฏิบัติ​ตามการรักษาของแพทย์แบบซ้ำๆเดิมๆทั้งสิ้น”

จ๊อบ นิธิ สุมทรโคจร

ทางด้านคุณเรืองปรีชา โชติรวี ได้เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า “ปี 2018 อ้วน นน.110 กิโลกว่า มาจากไลฟ์สไตล์ชอบดื่มชอบสังสรรค์ เหล้าเบียร์ไวน์ ดื่มทุกวัน เริ่มดื่มตั้งแต่อายุ18 ปี เรื่องกินก็ไม่ต้องพูดถึง ร้านไหนอร่อย ร้านไหนเด็ด ต้องไปกินไปชิมให้ได้ กินตลอดเวลา กินทุกชั่วโมง กินจนหลับคาช้อน # เต๋อ้วนชวนหิว ด้วยพฤติกรรม อายุ30 หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดัน(180-200/90-100) ไขมัน(TG280/HDL32) ต้องกินยา ผ่านไปหลายปี การรักษาก็มีแต่การปรับยาเพิ่มยาขึ้นเรื่อยๆ จากครึ่งเม็ดกลายเป็นสี่เม็ด(ความดัน2ไขมัน2)และสุดท้ายโรคเบาหวานกำลังจะตามมาเพิ่มอีกหนึ่ง เพราะค่าน้ำตาลFBS120 A1Cเริ่มแตะเลขหก(ประมาณ6.1)การอักเสบต่างๆในร่างกายเริ่มเกิดขึ้นมาทีละอาการ จู่ๆก็แพ้อาหารอย่างรุนแรง(แพ้กล้วย) เกือบช็อค เพราะกินกล้วยไปแค่คำเดียว อาการหายใจไม่ออกผื่นขึ้นไข้ขึ้นน้ำมูกไหลแน่นหน้าอกบวมไปหมด ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
​ผลสรุปคือ คุณหมอก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร ได้แต่บอกว่าอย่ากินกล้วยอีก แพ้ก็อย่าไปกิน (แต่ตอนเด็กๆทำไมกินได้หละเป็นคำถามคาใจผมมาตลอด) และในการเจ็บป่วยอย่างไข้หวัดธรรมดาๆ โดยปกติเป็นกันสองสามวันก็หาย แต่ผมกลับเป็นนานขึ้นเป็นเดือนกว่าจะหาย การไอเรื้อรัง การนอนกรน การหายใจเสียงดัง ตุ่มรอบคอ ก้อนไขมันหลังคอเริ่มโตขึ้น ร่างกายเริ่มแสดงอาการผิดปกติออกมาทีละอย่าง บางอย่างก็จะมีอาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ​

​จน 3ปีล่าสุด ที่ต้องแอดมิดทุกปี จนบริษัทประกันยังปฏิเสธ ขอยกเลิกกรมธรรม์โดยอ้างว่าเกล็ดเลือดผมสูงมาก เค้ามองว่าน่าจะมีปัญหา(ขอตรวจเลือดซ้ำอีกรอบมันก็ไม่ผ่าน) คุณหมอที่เคยรักษายัง บอกว่า 10ปี จะเป็นสโตร็คแน่นอน และกลับมานั่งทบทวนและเริ่มหาข้อมูลด้านโภชนาการจนมาเจอช่องยูทูปจากพี่หมอป๊อป จนได้เริ่มคุยไลน์กับพี่หมอป๊อปแบบส่วนตัว เริ่มดูเริ่มศึกษาคลิปต่างๆมาเรื่อยๆ ได้
เรียนรู้ระบบชีววิทยา กินอะไรส่งผลกับฮอร์โมนอะไร เข้าใจกลไกชีววิทยาและกระบวนการจัดการต่างๆในร่างกายอย่างถูกต้อง
​ ผมตัดสินใจก้าวออกมาจาก Comfort zone จึงปฏิวัติตัวเองใหม่ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ใหม่หมด ปรับอาหารทุกอย่างกินคีโตนสามเดือนแรกแล้วปรับมาlchf+if16/8ในเดือนที่4โดยลงทุนสั่งซื้อเครื่อง ตรวจทุกอย่างมาหมด อยากทดลองวิจัยกับร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องวัดความดัน เครื่องตรวจน้ำตาลตรวจคีโตน ชุดตรวจปัสสาวะ ผมเฝ้ามอนิเตอร์ตัวเองตลอดเวลาว่า วันนี้กินอะไรแล้วส่งผลออกมายังไง ฝึกฟังร่างกายมาตลอดเดือนที่4เริ่มมีพลังEneryมากขึ้น เริ่มอยากออกมาเดินออกกำลังกายบ้าง วันที่มาสวนลุมพินี วันแรกรู้สึกว่าทำไมมันไกลเหลือเกิน วิ่งแค่100เมตรก็เหนื่อยหอบจะเป็นจะตาย ไม่ถึงรอบก็ปวดระบมเมื่อยล้าไปหมด แต่ผมก็มาอีก มาอีก มาอีก จากวิ่งได้แค่100เมตรก็เป็น 200เมตร เป็น1กิโล เป็น5กิโล ร่างกายมันก็พัฒนาขึ้นตามลำดับผมวิ่งๆ โดยฟังร่างกายไม่ฝืนใดๆ จนผ่านไปหนึ่งปีผมสามารถจบฮาฟมาราธอนได้ในเวลา 2ชม.22นาทีโดยไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ปัจจุบันผมไม่ต้องกินยาไขมันความดันเบาหวานใดๆ สุขภาพแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก ความดัน 110-120/70-80ไตรกลีเซอร์ไรด์ 35/hdl49 RATIO=0.71FBS86 HbA1c4.9 CALCIUM SCORE 3.9

​Diet Doctor Center ศูนย์สุขภาพโภชนบำบัดครบวงจร เปิดตัวการรักษาผู้ป่วยเบาหวานและลดน้ำหนักผ่านโภชนบำบัด แนะเป็นทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน ผู้ที่สนใจสอบถามได้ที่ โทร.062 542-5111 062 542-1555, www.dietdoctorcenter.com, Line @dietdoctorcenter

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *