สสส. ชูโมเดล ชุมชนล้อมรักษ์ต้นแบบ อ.นาทวี จ.สงขลา เปิดโอกาสเยาวชนพิสูจน์ตัวเองหลุดพ้นวงจรยาเสพติด ผ่านศิลปะแห่งมวยไทยและสร้างอาชีพหลังบำบัด จุดประกายพลังชีวิตใหม่พร้อมกลับคืนสู่อ้อมกอดสังคมอย่างภาคภูมิ

เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จ.สงขลา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพอำเภอต้นแบบและอำเภอขยายผลในการขับเคลื่อน “ชุมชนล้อมรักษ์” (CBTx) พื้นที่ภาคใต้โดยใช้กระบวนการชุมชนล้อมรักษ์ ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่สำคัญต่อการแก้ปัญหายาเสพติด โดยดำเนินการ 4 มิติ คือ 1.ป้องกัน 2.เฝ้าระวัง 3.บำบัดฟื้นฟู 4.ช่วยเหลือผู้ผ่านการฟื้นฟูให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติโดยมีชุมชนเป็นฐาน (Community-based) เพื่อสร้างเครือข่ายการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดในชุมชนไปในแนวทางเดียวกัน

นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ การแก้ปัญหานี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมและชุมชนในทุกระดับ ซึ่งชุมชนคือพลังในการเปลี่ยนแปลงมากที่ที่สุด โดยขับเคลื่อนผ่านแนวทาง CBTx ที่เน้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการป้องกัน บำบัด ฟื้นฟู และติดตามผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด โดยสร้างระบบเฝ้าระวังและป้องกันในระดับท้องถิ่นทั้งการ เสริมพลังครอบครัวและเยาวชนให้มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ พัฒนากลไกบำบัดและฟื้นฟูที่เข้าถึงง่าย มีคุณภาพโดยไม่ตีตราและสร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

“ผลกระทบที่บอบช้ำที่สุดคือ ครอบครัวของผู้ใช้ยาเสพติดที่จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรโดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงหรือทะเลาะวิวาท ซึ่งถือเป็นความเจ็บปวดของชุมชนและสังคมเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน โดยต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันการสร้างโอกาสให้ผู้บำบัดก็มีส่วนสำคัญและเป็นหนึ่งในการแก้ Pain Point ของผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ให้กลับไปใช้ซ้ำ ซึ่งจะนำพาชุมชนของทุกท่านสู่สังคมปลอดภัย ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน” นพ.มล.สมชาย กล่าว

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า การขยายผลในการขับเคลื่อนชุมชนล้อมรักษ์ สู่การเป็นอำเภอต้นแบบ ถือเป็นการพัฒนาศักยภาพพลังของอำเภอให้นำไปสู่การเป็นอำเภอต้นแบบ CBTx และต่อยอดการสร้างเครือข่ายกระจายไปยังชุมชนทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว สสส. เชื่อมั่นว่าพลังชุมชน คือหัวใจสำคัญของการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อทุกภาคส่วนในพื้นที่มีความเข้าใจ มีส่วนร่วม และร่วมกันขับเคลื่อนผ่านกระบวนการ CBTx ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ที่นำไปสู่ชุมชนปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดี

“ การจัดเวทีปฏิบัติการเพื่อให้หน่วยงานทั้งจากฝ่ายกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุข ภาคีเครือข่าย ภาคประชาสังคมและชุมชน ได้มาร่วมกันถอดบทเรียนการทำงานขับเคลื่อน CBTx ของแต่ละพื้นที่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะกระจายกระบวนการนี้ไปสู่พื้นที่ชุมชนทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วในอนาคต ซึ่งถือเป็นการทำงานทางลัดที่จะเป็นกลไลในการลดผู้เสพหน้าใหม่เข้าสู่วงจรยาเสพติด สสส. พร้อมเป็นพลังสนับสนุนด้านวิชาการ กระบวนการ และเครือข่ายการทำงาน เพื่อให้อำเภอต้นแบบและอำเภอขยายผล สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นแรงบันดาลใจให้พื้นที่อื่น ๆ ได้เรียนรู้และต่อยอดต่อไป” นางสาวรุ่งอรุณ

นายกิตติธัช จินดากาญจน์ ปลัดอำเภอนาทวี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า อำเภอนาทวี มีการกำหนดประเด็นปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายหลักที่เร่งด่วน โดยขับเคลื่อนผ่านภาคีเครือข่ายและบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงการนําข้อมูลผู้เข้ารับการบําบัดบันทึกลงในระบบสารสนเทศเพื่อการแก้ไข ปัญหายาเสพติด (MOI Drugs GIS) ของกระทรวงมหาดไทย และรายงานผลการดําเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดผ่าน ระบบสารสนเทศยาเสพติดจังหวัด ขณะเดียวกันมีการติดตามความคืบหน้าทุกเดือนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น จิบน้ำชายามเช้า แหลงเรื่องเมืองนาทวี และการประชุมสันติสุขตำบล เป็นต้น โดยดึงประชาชนในหมู่บ้านเข้ามาเป็นพลังหลัก ให้ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการช่วยบำบัดฟื้นฟูภายใต้สิ่งแวดล้อมของชุมชนนั้น ๆ พร้อมส่งเสริมบทบาทของครอบครัว ให้ร่วมเฝ้าระวัง จนนำไปสู่การส่งเสริมอาชีพภายหลังบำบัดเสร็จ โดยให้ได้รับการทดลองทำงานจากผู้ประกอบอาชีพจริง และสนับสนุนอุปกรณ์การประกอบอาชีพขั้นพื้นฐานให้ด้วย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ผ่านการบำบัดได้รับรู้ถึงคุณค่าของตนเอง

“อำเภอนาทวียึดหลักการทำงานด้านยาเสพติดคือ ชุมชนต้องเป็นหลัก พูดง่าย ๆ ก็คือมุ่งเน้นให้คนในหมู่บ้านตระหนักถึงปัญหาและริเริ่มด้วยตนเอง โดยอาศัยกลไกภาครัฐเป็นเครื่องมือของคนในชุมชนเท่านั้น ซึ่งการขับเคลื่อนชุนล้อมรักษ์ ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาของ อ.นาทวี ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเราเห็นถึงความสำคัญร่วมกันจากชุมชนเป็นแกนหลักอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น บ้านช้างไห้ หมู่ 3 ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี ผู้นำชุมชนอย่างผู้ใหญ่บ้าน อบต. รพ.สต. มีความเข้มแข็ง และมีความพยายามปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมที่ถูกต้องตั้งแต่เด็กเล็ก อย่างการรวมกลุ่มเยาวชนของชุมชนในจำนวนนี้รวมไปถึงเยาวชนที่ผ่านการบำบัดแล้ว ให้เข้ามาเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเพื่อทำกิจกรรมด้านกีฬา อย่างการชกมวย โดยไม่แบ่งแยกระหว่างผู้เสพกับเด็กทั่วไปเพื่อเป็นใบเบิกทางให้พวกเขามีชีวิตที่ดี” นายกิตติธัช กล่าว

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *