มหาวิทยาลัยมหิดลสร้างประวัติศาสตร์วงการวิจัยไทยประกาศผลรางวัล “มหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์” ครั้งแรกเชิดชู 2 นักวิจัยผู้คิดค้นนวัตกรรมระดับโลก ที่สร้าง Real World Impact และเปลี่ยนชีวิตคนไทย

กรุงเทพฯ – มหาวิทยาลัยมหิดลสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการวิจัยของประเทศไทย ด้วยการประกาศผลรางวัล “มหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์” ประจำปี 2568 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลนักวิจัยระดับประเทศที่ใหญ่ที่สุดและเป็นการมอบรางวัลครั้งแรก โดยยกย่องนักวิจัยคุณภาพ ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่นำไปใช้ได้จริงและร่วมขับเคลื่อนผลกระทบเชิงบวกสู่สังคม (Real World Impact)

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “รางวัลมหาวิทยาลัย มหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์ ในวันนี้คือบทพิสูจน์สำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ของมหาวิทยาลัยในการมุ่งสู่ ‘Real World Impact’ ซึ่งเป็นแกนหลักที่เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนให้การวิจัยเป็น ‘ปัญญาของแผ่นดิน’ อย่างแท้จริง รางวัลนี้ไม่ใช่เพียงแค่การมอบรางวัล แต่คือการแสดงให้เห็นถึง ‘Real World Impact in Action’ ผ่านผลงานที่ทรงคุณค่าและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชื่อมั่นว่าการให้คุณค่ากับงานวิจัยที่สร้างผลกระทบอย่างแท้จริง จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืนในสังคมไทยและประชาคมโลก”

ทั้งนี้รางวัล “มหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์” ได้รับแรงบันดาลใจและการสนับสนุนจาก พล.ต.อ. นายแพทย์จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นมากกว่ารางวัลเชิดชูเกียรติ แต่เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยไทยให้ก้าวข้ามจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม

ประกาศผล 2 นักวิจัยผู้สร้างผลงานระดับโลกสู่การแก้ปัญหาประเทศ

ศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รางวัล “มหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์” ปี 2568 จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘Real-World Impact for Sustainability’ และในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัล 2 รางวัล ได้แก่ นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร รางวัลนักวิจัยดีเด่น และ รศ. ดร.วโรดม เจริญสวรรค์ รางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่“ผู้ได้รับรางวัลทั้งสองท่านคือผู้ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของงานวิจัยที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ในเชิงทฤษฎี แต่เป็นการนำองค์ความรู้ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง และเป็นกำลังสำคัญในการบ่มเพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ให้ก้าวตามรอย”

“ผู้ได้รับรางวัลทั้งสองท่านคือผู้ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของงานวิจัยที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ในเชิงทฤษฎี แต่เป็นการนำองค์ความรู้ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง และเป็นกำลังสำคัญในการบ่มเพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ให้ก้าวตามรอย”

มหาวิทยาลัยมุ่งหวังให้ผลงานวิจัยที่ได้รับคัดเลือกไม่เพียงแต่แสดงถึงความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ต้องสามารถนำไปต่อยอดสู่การใช้งานจริงที่แก้ปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทยได้ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างความเท่าเทียมด้านสุขภาพ การลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ หรือการสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตผู้คน

ผลงานที่เปลี่ยนชีวิตคนไทยกว่า 67 ล้านคน: รางวัลนักวิจัยดีเด่น

รางวัลนักวิจัยดีเด่น ประจำปี 2568 ได้แก่ นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร จากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกและอยู่เบื้องหลังการพัฒนาระบบ ‘หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า’ (30 บาทรักษาทุกโรค) ซึ่งเป็นนโยบายสาธารณะที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับสังคมไทย ด้วยการใช้งานวิจัยเชิงประจักษ์เพื่อผลักดันนโยบายสู่การปฏิบัติจริง ผลงานวิจัยของ นพ.วิโรจน์ ครอบคลุมประชากรไทยกว่า 67 ล้านคน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนจาก 5.4% เหลือเพียง 2% และได้รับการยกย่องจากสถาบัน MIT ว่าเป็น “The Great Equalizer” นพ.วิโรจน์ ยังมีบทบาทในเวทีโลกในฐานะรองประธานคณะเจรจาขององค์การอนามัยโลก และเป็นผู้บุกเบิก “การเหมาจ่ายรายหัว (Capitation Payment)” ที่ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในระบบประกันสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ

นวัตกรรมระดับโลกสู่การแก้ปัญหาประเทศ: รางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่

รางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ ประจำปี 2568 ได้แก่ รศ. ดร.วโรดม เจริญสวรรค์ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เจ้าของผลงาน “An Integrated Multidisciplinary Approach to Complex Biological Challenges for Advancing Human Health and Mitigating Climate Change” ที่ผสานองค์ความรู้จากหลายสาขาวิชา ทั้งชีววิทยาโมเลกุล, วิทยาศาสตร์ข้อมูล และ Machine Learning เพื่อตอบโจทย์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม รศ. ดร.วโรดม เป็นผู้นำในการผลักดันแผนงานระดับชาติ Genomics Thailand เพื่อยกระดับการแพทย์แม่นยำของไทย และก่อตั้งภาคีวิจัยนานาชาติ Asian Immune Diversity Atlas (AIDA) นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ Single-Cell Omics แห่งแรกของประเทศไทย โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลก Human Cell Atlas (HCA)** ผลงานวิจัยของเขาไม่เพียงได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำ เช่น Cell, Science, และ Nature Genetics แต่ยังได้รับการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในภาคเกษตรกรรม

การประกาศรางวัลในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนความสำเร็จส่วนบุคคล แต่ยังตอกย้ำว่าประเทศไทยมีระบบนิเวศการวิจัยที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพสูง สามารถผลักดันงานวิจัยที่มีผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ควบคู่ไปกับนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าที่ต่อยอดสู่เวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี มหาวิทยาลัยมหิดลพร้อมเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์และผลักดันงานวิจัยไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ประโยชน์สุขอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่เพื่อประเทศไทยแต่เพื่อสังคมโลกโดยรวม

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *