นักวิชาการโดดป้อง ‘หมอสุภัทร’ หลังจะถูกให้ออกจากราชการ เหตุ ถูกตรวจสอบทุจริตซื้อ ATK

นักวิชาการโดดป้อง ‘หมอสุภัทร’ หลังจะถูกให้ออกจากราชการ เหตุ ถูกตรวจสอบทุจริตซื้อ ATK ช่วงแพทย์ชนบทบุกกรุง ตอนโควิด 19 แพร่ระบาดหนัก ภาคประชาสังคม วอน รมว.สธ. สมศักดิ์ และปลัดกระทรวงคนใหม่ทบทวน พร้อมรวมตัวแสดงจุดยืนเพื่อความถูกต้อง

วันที่ 17 ส.ค. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ตอนสถานการณ์เกิดโควิดใน กทม หนักหน่วงมากชุมชนที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลทำงานคนในชุมชนติดโควิดมายชุมชน และมีคนเสียชีวิต รายวันจำนวนมาก หลายคนต้องออกจากบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเอง ติดโควิดหรือไม่เพราะไม่มีการตรวจ ATK ที่ขาดแคลน และราคาแพงมาก

มูลนิธิฯ พยายามช่วยแต่ก็หา ATK ไม่ได้ และระบบสาธารณสุขใน กทม. ก็ยังตั้งหลักไม่ได้ ช่วยชาวบ้านไม่ได้ จนมีโครงของได้แพทย์ชนบท ที่เข้ามา กทม. ถึง 3 ครั้ง โดยมีหมอสุภัทร เป็นแกนนำ ร่วมกับแพทย์ชนบทท่านอื่นๆ จากทั่วประเทศมาช่วยตรวจโควิดให้ชาวบ้านได้ทั่วถึง และมีการรักษาชาวบ้านในชุมชนได้มาก มีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวที่เข้าใจง่าย ลดความตื่นกลัวหวาดระแวง อัตราการเสียชีวิตก็เริ่มลดลง และชาวบ้านตั้งหลักในการแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ ภารกิจทางมนุษยธรรมที่หมอสุภัทรกับทีมช่วยชาวบ้าน กทม.ไว้ได้ทัน แต่ทำไมต้องมาถูกไล่บีบแบบนี้ ทั้งๆ ที่หมอสุภัทรได้เป็นตัวแทนของกระทรวงสาธรณสุข ช่วยชีวิตชาวบ้านที่เป็นภาระกิจต้องทำอยู่แล้ว นึกไม่ถึงที่ข้าราชการที่เป็นผู้บริหารกระทรวงถึงไม่เข้าใจชีวิตของชาวบ้าน ที่กำลังเผชิญกับความตายในตอนนั้น กลับจะมาเล่นงานปลดหมอสุภัทรออกถือว่าเป็นการทำร้ายจิตชาวบ้านที่เผชิญความเป็นความตายอย่างโดดเดี่ยว

ด้านนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ในช่วงแรกๆถึงช่วงกลางของการแพร่ระบาดโควิด 19 เป็นช่วงความเป็นความตายจริงๆ ท่ามกลางความกลัว และหวาดระแวงโดยเฉพาะในชุมชนของพวกเราใน กทม. ที่มีคนติด คนป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก

ท่ามกลางความหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้นการมาของแพทย์ชนบทในตอนนั้น นอกจากช่วยคัดกรองคนติดคนป่วยได้ชัดเจนแล้ว ยังช่วยสร้างขวัญและกำลังใจของชาวบ้านได้อย่างมากๆ เราในส่วนของภาคประชาสังคมเองก็มั่นใจมากขึ้นในการออกไปทำงานช่วยเหลือคนติดคนป่วยในตอนนั้น แต่ละองค์กรก็กลับมาออกแบบการทำงานและวิถีชีวิตกันใหม่ให้ออกไปช่วยชาวบ้านได้อย่างมีองค์ความรู้ เราต้องไม่ลืมบรรยากาศในตอนนั้น ที่มีความตายอยู่ตรงหน้ากับกฎระเบียบ วินัย ข้อบังคับ ภายใต้สถานการณ์พิเศษแบบนั้น มันควรต้องเอาชีวิตมนุษย์เป็นสำคัญมิใช่หรือ หากการให้ออกจากราชการของหมอสุภัทรเกิดขึ้นจริง มันจะทำให้เราจะเหลือแต่ราชการเพลย์เซฟ อยู่เป็น เอาตัวรอด และคนที่จะทำเพื่อความถูกต้องในการรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ในสถานการณ์พิเศษแบบนี้จะไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยง เพราะผลที่ตอบแทนกับมาคือการถูกเล่นงานจากอำนาจเหนือที่ไม่พอใจ ส่วนตัวยังหวังว่ากระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ปลัดกระทรวงคนใหม่ รัฐมนตรีคนปัจจุบัน จะทบทวนไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น คนที่ทำงานเคียงข้างประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างหมอสุภัทร ต้องได้รับการปกป้อง และเร็วๆนี้หากไม่มีการทบทวน ภาคประชาสังคมคงต้องรวมตัว แสดงจุดยืนที่ถูกต้องต่อกระทรวงสาธารณสุข”

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *