SACIT หรือ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จัดงาน “Crafts Bangkok 2025” รวมยอดจำหน่ายงานหัตถกรรมภายในงาน มากกว่า 109 ล้านบาท ตอกย้ำความชื่นชอบงานฝีมือจากสังคม ส่งเสริมศักยภาพงานหัตถกรรมไทยยุคใหม่ ตอบโจทย์ตลาดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างงดงาม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า การจัดงาน Crafts Bangkok 2025 ระหว่างวันที่ 18-22 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ SACIT ได้คัดสรรและรวบรวมสุดยอดสมาชิกผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยจากทั่วประเทศ กว่า 320 ร้าน ครอบคลุมงานหัตถกรรมชั้นครูที่สะท้อนให้เห็นถึงทักษะฝีมือแห่งมรดกภูมิปัญญาตั้งแต่ต้นกำเนิดจนถึงการประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน (Meet the Masters), งานฝีมือที่สะท้อนถึงความร่วมมือของคนในชุมชนสร้างสรรค์ออกเป็นงานหัตถกรรมอย่างสร้างสรรค์บนพื้นฐานของความยั่งยืน (Be Conscious), งานหัตถกรรมที่มีดีไซน์ผสานนวัตกรรมให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงไป (Trendy Look) ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 วัน ของการจัดงาน สร้างยอดขายได้รวม 109,405,860 บาท และมีผู้เข้าชมงานรวม 55,968 ราย


งาน Crafts Bangkok ในปีนี้ ไม่เพียงแต่สร้างยอดขายและจำนวนผู้เข้าชมที่เกินความคาดหมายเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงการรวมตัวของผู้คนที่มีความรักและชื่นชอบ ในงานศิลปหัตถกรรมไทยจากหลากหลายกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเทคนิคเชิงช่างและภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมอย่างครบวงจร เกิดเป็นเครือข่าย Craft communities ที่เข้มแข็ง เกิดการกระจายงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ กลับสู่ชุมชนอย่างแท้จริง ตลอดจนผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยยังได้รับโอกาสในการนำเสนอผลงานและแสดงศักยภาพอย่างเต็มความสามารถ ทำให้ผู้เข้าชมและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานมั่นใจในคุณค่าและความต้องการของตลาดงานศิลปหัตถกรรมไทย ยังคงได้รับความนิยมและการยอมรับจากผู้บริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และด้วยกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมในปีนี้ จึงคาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตงานศิลปหัตถกรรมไทยจะได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของความต้องการในตลาด ที่เริ่มหันมาสนใจและให้คุณค่ากับงานฝีมือไทยที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์และความประณีต



ความสำเร็จของงานในครั้งนี้ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ SACIT มุ่งมั่นที่จะต่อยอดและยกระดับการจัดงาน ในปีถัดไป โดยมีแผนที่จะขยายพื้นที่จัดแสดงงาน เพื่อรองรับจำนวนผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้งานศิลปหัตถกรรมไทย ก้าวขึ้นสู่เวทีโลกในฐานะ Soft Power ของประเทศไทย อย่างแท้จริง