ForeToday ผู้นำการตลาดดิจิทัลสำหรับ SMEs คว้ารางวัลใหญ่จาก Google Thailand พร้อมเผยกลยุทธ์สร้างกำไรให้ SMEs ไทย ในปี 2025

กรุงเทพฯ – บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด (ForeToday Co., Ltd.) ดิจิทัลเอเจนซีไทยเจ้าของรางวัล Growth Hackathon 2024 สาขา Measurement Excellence จาก Google Thailand เปิดเวทีโชว์เคสเบื้องหลังความสำเร็จผ่านการใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับกลยุทธ์การตลาดแบบแบบเรียลไทม์ พร้อมแบ่งปันแนวทางและวิสัยทัศน์ให้นักการตลาดและ SMEs ไทยปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของการโฆษณาดิจิทัล ในงาน ‘ForeToday Growth Forum 2025’

นายชาคริต ชูปรีดา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารสูงสุด (CEO) บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด กล่าวว่า “ForeToday มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตผ่านกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังช่วยขยายขนาดธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดออนไลน์ ปัจจุบัน คาดว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยจะทะลุ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจที่พร้อมปรับตัว อย่างไรก็ตาม แบรนด์ใหญ่ยังคงครองส่วนแบ่งมากกว่า 70% ในขณะที่ SMEs มีเพียง 30% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด นี่จึงเป็นช่องว่างที่เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโต เราเชื่อว่า SMEs ไทยสามารถขยายตัวได้มากขึ้นถึง 3 เท่าในอีก 3 ปีข้างหน้า หากได้รับการสนับสนุนด้านโฆษณาดิจิทัลที่เหมาะสม เพราะมากกว่า 80% ของผู้บริโภคออนไลน์ในประเทศไทยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) เป็นแหล่งข้อมูลในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่แม่นยำ จะมีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับการแข่งขัน Google Hackathon ถือเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยพัฒนาเอเจนซีไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยี ปีนี้มีเอเจนซีกว่า 70 รายเข้าร่วม และ ForeToday รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลสาขา Measurement Excellence ซึ่งตอกย้ำความสามารถของเราในการใช้ Enhanced Conversions For Website เทคนิควัดผลพฤติกรรมลูกค้าบนเว็บไซต์ และการใช้ First-Party Data หรือข้อมูลลูกค้าที่เก็บโดยตรงภายใต้กฎหมาย PDPA (พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) การจัดงาน ‘ForeToday Growth Forum 2025’ ในครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อแบ่งปันกรณีศึกษาความสำเร็จ (Success Case) และอัปเดตแนวโน้มใหม่ ๆ ของ Google ที่จะช่วยให้ธุรกิจ SMEs ไทยสามารถนำไปปรับใช้ และขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2025

ความท้าทายใหม่ของการยิงแอดในยุค PDPA ที่การโฆษณาแบบ คุกกี้บุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

นายวิชญะ นิลรุ่งรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด กล่าวว่า “การตลาดดิจิทัลในปี 2025 จะก้าวสู่ยุค AI Marketing 2.0 โดย AI จะไม่ใช่เพียงเครื่องมือช่วยจัดการโฆษณาอีกต่อไป แต่จะเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะปีนี้ทาง Google Ads จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ AI & Automation, Privacy Policy และ Visual Ads

นายวิชญะ นิลรุ่งรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด

ดังนั้นกุญแจสำคัญในการโฆษณาในปี 2025 ที่ SMEs ควรปรับตัวทันที คือ

1. การใช้ AI บน Google Ads อย่างถูกต้องและติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญของโฆษณาดิจิทัล โดยเฉพาะแคมเปญแบบ Performance Max (PMax) ซึ่งเป็นระบบโฆษณาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และกระจายโฆษณาไปยังทุกแพลตฟอร์มของ Google ภายในการตั้งค่าเดียว จุดเด่นของ PMax คือสามารถปรับแต่งโฆษณาแบบเรียลไทม์ให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น YouTube, Google Search และ Gmail ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้ แม้มีงบประมาณจำกัด

2. ธุรกิจควรเริ่มเก็บ First-Party Data หรือข้อมูลที่ลูกค้าให้ความยินยอมโดยตรง เช่น อีเมลและเบอร์โทรศัพท์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy) ซึ่งส่งผลต่อการทำโฆษณาออนไลน์โดยตรง เนื่องจาก Google Chrome จะยกเลิกการใช้ Third-Party Cookies หรือคุกกี้ติดตามข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ในปี 2025 ส่งผลให้การทำ Remarketing หรือ การแสดงโฆษณาให้กับผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์แบบเดิมมีข้อจำกัดมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนโฆษณาออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 20-30% หากธุรกิจไม่มีการเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

3. วิดีโอสั้นและคอนเทนต์ภาพ (Visual Content) กำลังเป็นเทรนด์สำคัญของการตลาดดิจิทัล การเปลี่ยนจาก Video Action Campaigns (VAC) ไปเป็น Demand Gen ทำให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงลูกค้าบนหลายแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น โฆษณาที่ผสมทั้งวิดีโอและภาพนิ่งช่วยเพิ่ม Conversion Rate หรืออัตราการเปลี่ยนจากผู้ชมเป็นลูกค้าได้สูงถึง 20% โดยไม่เพิ่มต้นทุน ธุรกิจ SMEs ควรปรับกลยุทธ์และให้ความสำคัญกับโฆษณาวิดีโอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด

ภายในงานยังได้รับเกียรติจากตัวแทนนักธุรกิจหลากหลายวงการมาร่วมแชร์ Case Study การปรับตัวโดยใช้ Data-Driven และ Mix Marketing มาเป็นกลยุทธ์หลักจนประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจาก คุณอาทิตย์ ช่วยชาติ กรรมการผู้จัดการของ บริษัท เอเอ็มซี มัลติ-บิซ จำกัด เจ้าของแบรนด์ AMC AIR สร้างแคมเปญโดยใช้กลยุทธ์โฆษณาดิจิทัลอย่างการโฆษณาแบบค้นหา (SEM: Search Engine Marketing) และ Performance Max ซึ่งเป็นระบบโฆษณาที่ใช้ AI วิเคราะห์และปรับการแสดงผลแบบเรียลไทม์ ทำให้จำนวนลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 130% โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณโฆษณา คุณอธิปัตย์ ขำภูเขียว ผู้บริหารการตลาดอาวุโส จากบริษัท BASE Playhouse ได้ปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแม่นยำ ส่งผลให้ อัตราการเกิดผลลัพธ์ (Conversion Rate) เพิ่มขึ้น 60% แสดงให้เห็นว่า การตลาดแบบเน้นผลลัพธ์ (Performance Marketing) ไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้ แม้ในตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง

“SMEs ไทยยังมีโอกาสอีกมากในการเติบโตผ่าน Data-Driven Marketing ธุรกิจที่เริ่มเก็บข้อมูลลูกค้าตั้งแต่วันนี้ จะมีต้นทุนโฆษณาต่ำกว่าและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคต และนักการตลาดที่ปรับตัวด้วยความคิดสร้างสรรค์และใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องจะยังคงสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายวิชญะกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับแบรนด์หรือนักการตลาดที่สนใจและกำลังวางแผนการทำตลาดผ่าน Google Ads สามารถติดต่อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด (ForeToday Co., Ltd.) โทร: 08-5151-4646 อีเมล: channel-support@foretoday.asia เว็บไซต์: www.foretoday.asia หรือสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: ForeToday – Digital Marketing Agency

#ForeTodayGrowthForum #DigitalMarketing2025 #SMEMarketing #AIMarketing #DataDrivenGrowth

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *