วาเลนไทน์ปีนี้ Rado มาพร้อมภาพแคมเปญที่ถ่ายทอดความรัก ความรู้สึกดีๆ ผ่านสัญลักษณ์ประจำเทศกาลอย่างดอกกุหลาบที่อยู่ในมือของคู่รัก ซึ่งสวมนาฬิกา Rado True Round Open Heart สองรุ่นสีขาว-ดำบนฉากหลังสีชมพูอ่อนหวาน นอกจากดอกกุหลาบจะเป็นตัวแทนของความรักแล้ว ยังสะท้อนถึงใจความสำคัญของนาฬิกา Rado ได้ด้วย เพราะสื่อถึงการค่อยๆ เจริญเติบโตมาตามกาลเวลา ส่วนการเรียงตัวของกลีบกุหลาบก็แสดงถึงความซับซ้อนของกลไกนาฬิกาออโตเมติก และความละเอียดอ่อนของกลีบดอกก็เหมือนสัมผัสที่นุ่มสบายของไฮเทคเซรามิก

จังหวะหัวใจของคนมีรัก Rado True Round Open Heart คือนาฬิกาที่เข้ากับช่วงเดือนแห่งความรักอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่ชื่อรุ่นที่ Open Heart ซึ่งนอกจากจะหมายถึงหน้าปัดแบบคัตเอาต์ที่เผยให้เห็นกลไกการเดินออโตเมติกด้านในแล้ว ยังสื่อความหมายถึงการเปิดใจในยามที่มีความรักด้วย ส่วนบาลานซ์สปริงด้านบนหน้าปัดก็เป็นสัญลักษณ์แทนจังหวะหัวใจของคนมีความรัก
เรื่องราวของการอุทิศตนเบื้องหลังของนาฬิกาคุณภาพระดับโลกคือการอุทิศตนในทุกขั้นตอนการผลิตอันละเอียดลออ อย่างรุ่น Rado True Round Open Heart แบรนด์ได้อุทิศตนตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรวัสดุไฮเทคเซรามิก ที่มีคุณสมบัติเรื่องการทนทานต่อรอยขีดข่วน และการสร้างสรรค์ตัวเรือนกับสายนาฬิกาขึ้นมาแบบใช้โครงสร้างชิ้นเดียว ให้ความรู้สึกสบายเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ขั้นตอนการรังสรรค์กลไกการเดินออเมติกคาลิเบอร์ R743 ก็ต้องอาศัยการใส่ใจแบบพิถีพิถันที่สุดเช่นกัน ซึ่งเราจะได้เห็นงานฝีมือชั้นเลิศนี้ผ่านหน้าปัดแบบคัตเอาต์

นอกจากนี้ Rado ยังเลือกใช้บาลานซ์สปริง Nivachron™ ที่ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็กรอบๆ ตัว เพื่อให้นาฬิกาบอกเวลาได้แม่นยำที่สุดในทุกสภาพแวดล้อม โดยมีการแต่งลวดลายแบบกิโยเช่ให้ดูพิเศษขึ้นไปอีก อีกคุณสมบัติคือการสำรองพลังงานได้ยาวนาน 80 ชั่วโมง ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้เต็มที่แบบไม่ต้องพะวงกับเรื่องของเวลาเลย Rado True Round Open Heart ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเข็มนาฬิกาและขีดบอกเวลาสีโรสโกลด์ ประดับสัญลักษณ์สมอเครื่องที่ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้คริสตัลแซฟไฟร์แบบโค้ง

ทุกรายละเอียดของนาฬิกา รุ่น Rado True Round Open Heart ล้วนอาศัยความชำนาญและการทุ่มเทอุทิศตนของผู้ผลิต จนได้เป็นนาฬิการ่วมสมัยเรือนนี้ที่ความสวยงามของมันสื่อถึงความรักได้อย่างลงตัว เหมาะจะเป็นของขวัญสำหรับคนที่อยากสร้างความสุขใจให้ผู้รับในวันวาเลนไทน์นี้ เหมือนดังภาพแคมเปญที่มีทั้งดอกกุหลาบ สีชมพู และมือของคู่รักที่ใส่ Rado True Round Open Heart ไว้ สะท้อนถึงความรักที่จะคงอยู่ไปตลอดเหมือนเวลาที่เดินไปไม่มีวันหยุด

ทำไมต้องไฮเทคเซรามิก – เพราะไม่เหมือนวัสดุอื่นๆ… หากจะพูดถึงหัวใจสำคัญของไฮเทคเซรามิกของ Rado ก็ต้องใช้คำว่า “Feel it” คือต้องสัมผัสและทำความรู้จัก ถึงจะพบว่านี่คือสุดยอดวัสดุที่ไม่มีใครเหมือน จากจุดเริ่มต้นในอดีตที่ต้องการผลิตวัสดุที่มีความทนทานสูง ทำให้ Rado สร้างสรรค์ไฮเทคเซรามิกขึ้นมาได้สำเร็จ เป็นสารที่มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ในความแข็งแกร่ง ทนทานของไฮเทคเซรามิก ยังมีอีกคุณสมบัติที่น่าหลงใหล นั่นคือความสบายผิวอย่างถึงที่สุด เมื่อสวมบนข้อมือแล้วจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มเป็นมิตรต่อผิว ทั้งตัวเรือนและสายนาฬิกา เหมือนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้อยู่บนข้อมือเราอย่างแท้จริง เป็นสัมผัสที่ไม่ว่าใครก็จะไม่มีวันลืม


ข้อมูลเกี่ยวกับไฮเทคเซรามิก
Rado เปิดตัวไฮเทคเซรามิกครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1986 วัสดุที่มีคุณสมบัติมากมาย ทั้งแข็งแรง ทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ น้ำหนักเบา และให้สัมผัสนุ่มนวล ทั้งหมดนี้ชนะใจคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้ทันที
ไฮเทคเซรามิกเกิดขึ้นได้ด้วยวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ต้องใช้ทั้งผงอะลูมิเนียมออกไซด์ เซอร์โคเนียมออกไซด์ และซิลิกอนไนไตรด์บริสุทธิ์ที่มีขนาดเกรนเท่ากันทั้งหมด จากนั้นนำมาขึ้นรูป แล้วเข้าอบในอุณหภูมิสูง โดยมีพลาสติกผสมผงแร่เป็นสารตัวกลางที่ช่วยให้ฉีดขึ้นรูปในแม่พิมพ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องอยู่ใต้แรงดันราว 1,000 บาร์ หลังจากนั้นเมื่อส่วนประกอบเย็นตัวลง ก็นำไปเผาผนึกที่อุณหภูมิ 1450°C ขั้นตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกับการผลิตจรวด ซึ่งทำให้ไฮเทคเซรามิกมีความหนาแน่นและแข็งแรงกว่าเซรามิกทั่วไป โดยช่างเทคนิคต้องคำนวณขนาดนาฬิกาให้แม่นยำ เพราะกระบวนการเผานี้ตัวเรือนจะหดลง 23% ส่วนความแข็งสุดท้ายที่ได้อยู่ในระดับ 1,250 Vickers พร้อมเข้าสู่กระบวนการเจียระไนและตกแต่งด้วยเครื่องมือเดียวกับที่ใช้เจียระไนเพชร