รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ยกระดับมาตรฐาน ‘Green Luxury’ ได้รับการรับรองเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

ภูเก็ต, ประเทศไทย 7 มกราคม 2568 — รอยัล ภูเก็ต มารีน่า (RPM) ก้าวสู่ความสำเร็จยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการได้รับการรับรองเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนเป็นปีที่สองติดต่อกันจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกหรือ (TGO) ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและบทบาทการเป็นผู้บุกเบิกในฐานะท่าจอดเรือแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียที่ได้รับการรับรองปลอดคาร์บอน มากกว่าการเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่น รอยัล ภูเก็ต มารีน่า กำลังนิยามความหมายใหม่ของ ‘Green Luxury’ หรือ ’ความหรูหราที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ที่ซึ่งประสบการณ์ระดับพรีเมียมมาบรรจบกับการใช้ชีวิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว

ผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สร้างสรรค์มากมาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมพร้อมมอบความหรูหราในระดับเวิลด์คลาส ปัจจุบันแผงโซลาร์เซลล์สามารถจ่ายพลังงานให้กับท่าจอดเรือได้ถึง 38% ของความต้องการพลังงานรายวัน ทำให้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ Seabin V5 ซึ่งสามารถดักจับเศษซากลอยน้ำและไมโครพลาสติกจากแอ่งน้ำของท่าจอดเรือได้มากถึง 48 กิโลกรัมต่อวัน ด้วยความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่าจอดเรือของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า จึงยกระดับด้วยการใช้ระบบกักเก็บน้ำฝนเพื่อทำความสะอาดเรือ ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำประปาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ที่ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถชาร์จยานพาหนะของตนโดยใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 100% ยิ่งตอกย้ำบทบาทของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่าในฐานะผู้นำด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม

นายกูลู ลัลวานี ประธานบริษัท รอยัล ภูเก็ต มารีน่า

แนวคิด Green Luxury

หัวใจหลักในเรื่องความยั่งยืนของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า คือความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งทั้งในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์หรูหราอันน่าประทับใจ ดังที่นายกูลู ลัลวานี ประธานของรอยัล ภูเก็ต มารีน่า กล่าวว่า “เราไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับผู้ที่หลงใหลในกิจกรรมทางทะเลเท่านั้น แต่เรากำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับความหรูหราที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมการเดินเรืออีกด้วย โครงการด้านสิ่งแวดล้อมของเราไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์โลก แต่ยังเพิ่มพูนประสบการณ์ของแขกผู้มาเยือน สร้างความทรงจำอันยั่งยืนท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่พิเศษ”

นอกจากนี้ นายกูลู ลัลวานี ยังเสริมเพิ่มเติมว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 เขาประสบความสำเร็จในการผลักดันให้นายกรัฐมนตรีไทยลดภาษีนำเข้าเรือยอช์ตจากกว่า 200% เหลือศูนย์ การลดภาษีครั้งนี้ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการเดินเรืออย่างโดดเด่นด้วยการเพิ่มการนำเข้าและธุรกิจบริการเรือยอชต์ จากนั้นนายกูลู ลัลวานี ได้ริเริ่มการก่อสร้างรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ส่งเสริมให้ภูเก็ตกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านเรือยอชต์ที่เฟื่องฟู และทำให้ภูเก็ตกลายเป็นสวรรค์แห่งการแล่นเรือของเอเชียและดึงดูดเรือยอชต์จากทั่วโลก

รอยัล ภูเก็ต มารีน่า กำลังนิยามความหมายใหม่ของความหรูหราในศตวรรษที่ 21 ด้วยการผสมผสานการบริการที่ยอดเยี่ยม สิ่งอำนวยความสะดวกสุดพิเศษ และนวัตกรรมโซลูชันเชิงนิเวศน์อันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นวิลล่าริมทะเลที่สวยงาม ร้านอาหารระดับโลก หรือพื้นที่เปิดโล่งที่เขียวชอุ่ม ล้วนสามารถสอดแทรกความยั่งยืนไว้ในทุกแง่มุมของประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์สำหรับผู้มาเยือน

ความยั่งยืนผสานการมีส่วนร่วมของชุมชน

ความมุ่งมั่นของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ยังขยายไปไกลผ่านโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ในหลากหลายรูปแบบ โดยมุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชนท้องถิ่นอย่างแข็งขัน

ท่าจอดเรือแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับประเทศในการส่งเสริมโครงการ Zero-Waste และมีส่วนร่วมในการศึกษาสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง นอกจากนี้ ยังมีการจัดสัมมนาเชิงวิชาการและวันทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้แขกและคนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นาย ซันนี่ สันธุ ผู้จัดการทั่วไป รอยัล ภูเก็ต มารีน่า

เหนือกว่าการเป็นท่าจอดเรือ คือความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ยั่งยืน

รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ รวมถึงการรับรอง 5 Gold Anchor จาก Yacht Harbour Association และรางวัล International Clean Marina จาก Marina Industries Association ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านการให้บริการระดับหรูหราควบคู่ไปกับการรักษาแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนไว้ได้ ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะท่าจอดเรือแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลเหล่านี้

นาย ซันนี่ สันธุ ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า “เพราะเราเชื่อมั่นว่าอนาคตของความหรูหราที่แท้จริงตั้งอยู่บนความยั่งยืน รอยัล ภูเก็ต มารีน่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และยังคงมุ่งมั่นค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนโดยมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแขกของเราได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งมิใช่เพียงโมเดลธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นแนวคิดที่จะนำทางเราสู่อนาคต”

มรดกแห่งความยั่งยืน

รอยัล ภูเก็ต มารีน่า สร้างนวัตกรรมและแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเศรษฐกิจและชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละในการผสานความยั่งยืนเข้ากับทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ สิ่งนี้เองเป็นเครื่องยืนยันว่า รอยัล ภูเก็ต มารีน่า จะยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้าต่อจากนี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า เยี่ยมชมได้ที่: https://www.royalphuketmarina.com/sustainability-at-royal-phuket-marina.

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *