จากการที่คณะกรรมธิการการวิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่รระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์ ซึ่งเตรียมเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเร็วๆ นี้
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า จากที่ได้อ่านรายงานของกรรมาธิการฯ พบว่ายังมีข้ออ่อน และบิดเบี้ยวอย่างมาก เนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งไปที่การสนับสนุนให้เปิดกาสิโน แทบไม่มีการกล่าวถึงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์แต่อย่างใด เพราะในตอนต้นของรายงานระบุว่า สถานบันเทิงแบบครบวงจรนี้จะมีกาสิโนสัดส่วนแค่ 5% อีก 95% เป็นกิจการอื่น เช่น ศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ โรงแรมระดับห้าดาว ห้างสรรพสินค้า สวนสัตว์และสวนสนุก และสนามกีฬาต่างๆ แต่ไส้ในของการศึกษากลับแทบไม่ได้ศึกษารายละเอียดของกิจการเหล่านี้เลย กลายเป็นว่า 95% ของรายงานไปกล่าวถึงการเปิดกาสิโนแทน นี่น่าจะสะท้อนให้เห็นเจตนาของการศึกษาครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งต้องเข้าใจว่าการศึกษาครั้งนี้เป็นข้อเสนอของฝ่ายที่ต้องการเปิดกาสิโน ที่เลือกรับฟังข้อมูลจากฝ่ายที่สนับสนุน การศึกษาไม่รอบด้าน ทำให้ผลที่ออกมาอาจมีความโน้มเอียงไปในทางที่เห็นดีเห็นงามในการให้เปิดที่น่าสังเกตคือผลที่ออกมานี้ถือเป็นการศึกษาที่ยังไม่เสร็จ แม้จะใช้เวลากว่า 8 เดือน เพราะสาระสำคัญขาดหายไป อาทิ ไม่มีการศึกษามาตรการในการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย อันอาจจะเกี่ยวข้องกับกิจการกาสิโน เช่น การใช้กาสิโนเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจใต้ดินต่างๆ ที่โยงใยกับเครือข่ายอาชญากรรมในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังไม่มีการศึกษาผลกระทบทางสังคม และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขใด ๆ เป็นต้น ดังนั้น ภาคประชาชนจึงขอฝากไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังจะพิจารณารายงานการศึกษาดังกล่าว 3 ข้อ ดังนี้
1. ประชาชนเข้าใจว่าประเทศมีความจำเป็นในการเปิดแหล่งดึงดูดทางเศรษฐกิจใหม่เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กำหนดให้เป็นกิจการอื่น 100% เลยดีกว่าหรือไม่ เพราะถึงแม้จะอ้างว่ามีกิจการกาสิโนแค่ 5% แต่เนื้อหา 1 ใน 4 ของข้อเสนอกลับกล่าวถึงแต่การเสนอให้เปิดการพนันออนไลน์ด้วย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะสามารถจำกัดสัดส่วนของแหล่งพนันให้อยู่ในขอบเขต 5% ได้จริงหรือไม่
2. กรรมาธิการฯ ข้าราชการ นักการเมือง มีความเชื่อมั่นแค่ไหนที่จะป้องกันไม่ให้สถานกาสิโนเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย
3. จะรับผิดชอบอย่างไรต่อผลกระทบหากเกิดกับเด็ก เยาวชนและครอบครัว เพราะสวนทางกับคำพูดที่รัฐ บอกว่า “การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” หรือครูสอนเด็กว่า “การพนันเป็นสิ่งไม่ดี” จะต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นคำพูดว่าอะไร
“เราขอให้สภาผู้แทนราษฎรตอบสามคำถามนี้ต่อประชาชนก่อน หากตอบให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นไม่ได้ สภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่ควรรับรองรายงานการศึกษาฉบับนี้ เพราะสิ่งที่ท่านกำลังจะตัดสินใจ จะบ่งบอกว่าท่านรับใช้ใครระหว่างนายทุนกาสิโนที่มุ่งเป้าขยายฐานการเติบโตในภูมิภาคนี้ผ่านนอมินีบางกลุ่ม หรือรับใช้ประชาชนห่วงใยคุณภาพชีวิตคนไทย ห่วงผลกระทบ” นายธนากรกล่าว.