กรุงเทพฯ – เฮงเค็ล เผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับที่ 31 และกำหนดเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนปี 2573+ ฉบับใหม่
“ความยั่งยืนได้หยั่งรากลึกลงไปใน DNA ขององค์กรเรา และเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเรา และความยั่งยืนยังเป็นหัวใจสำคัญของวาระการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายของเราอีกด้วย” คาร์สเทน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฮงเค็ล กล่าว
ซิลวี นิโคล สมาชิกคณะกรรมการบริหารของเฮงเค็ล ผู้รับผิดชอบงานด้านทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “ฉันรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ในปี 2564 ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เฮงเค็ลได้พัฒนาความยั่งยืนในด้านสำคัญๆ อาทิ การปกป้องสภาพอากาศและเศรษฐกิจหมุนเวียน”
ในปี 2564 เฮงเค็ลยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในธุรกิจ ลดการปล่อย CO2 ในการดำเนินงานต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) และความก้าวหน้าในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน ตลอดจนฐานะการเงินที่ยั่งยืน ฯลฯ
เฮงเค็ลตั้งเป้าลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการผลิตลง 65% ภายในปี 2568 (เทียบกับปีฐาน 2553) และภายในสิ้นปี 2564 เฮงเค็ลได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิตลงแล้วครึ่งหนึ่ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการจัดหาไฟฟ้า 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2573 ในปัจจุบัน เฮงเค็ลมีการใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 68%
นอกจากนี้ เฮงเค็ลมุ่งมั่นที่จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายรายตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด และให้ความร่วมมือกับแนวคิดริเริ่มในระดับนานาชาติ อาทิ ธนาคารพลาสติก (Plastic Bank) และเศรษฐกิจพลาสติกใหม่ (New Plastics Economy) โดยมูลนิธิเอลเลน แมคอาเธอร์
ด้านกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ บริษัทฯ มีเป้าหมายในการลดและรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลไปสู่สิ่งแวดล้อม หนึ่งในเป้าหมายหลักภายในปี 2568 คือ บรรจุภัณฑ์ 100% ของเฮงเค็ลสามารถนำไปรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ณ สิ้นปี 2564 ส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 86% แล้ว นอกจากนี้ เฮงเค็ลยังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์เป็นมากกว่า 30% สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกภายในปี 2568 ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ ได้เพิ่มส่วนแบ่งนี้อยู่ที่ประมาณ 18%
เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนปี 2573+ ของเฮงเค็ลประกอบด้วยสามมิติ:
ฟื้นฟูโลกของเรา: สร้างภาวะคาร์บอนที่หมุนเวียนและเป็นศูนย์สุทธิ (net-zero) โดยการเปลี่ยนแปลงด้านธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และวัตถุดิบที่ได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม
ชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง: ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านจุดแข็งของธุรกิจและแบรนด์โดยการสนับสนุนความเท่าเทียม การศึกษา และคุณภาพชีวิตที่ดี
คู่ค้าที่เชื่อถือได้: ร่วมขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการเปลี่ยนแปลงระบบด้วยความซื่อสัตย์สุจริตผ่านวัฒนธรรมที่ยึดถือตามค่านิยม หยั่งรากลึกในวิทยาศาสตร์ และความหลงใหลในเทคโนโลยี
“เราต้องการให้แน่ใจว่ากรอบการทำงานเป้าหมายของเราสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ผนวกกับการมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งที่เพิ่มขึ้นของเราในสิ่งเหล่านี้” อูริค ซาพิโร่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ลกล่าว “เราพิจารณาแล้วว่าเราจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด ดำเนินการให้เร็วขึ้น และมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น และหนึ่งในผลลัพธ์ที่สำคัญของเรารวมถึงการก้าวไปข้างหน้าบรรลุเป้าหมายให้เร็วขึ้นด้วยสภาพอากาศเชิงบวกในการผลิตของเราจากเป้าหมายเดิมปี 2583 เป็นปี 2573”
เป้าหมายใหม่ที่สำคัญ ได้แก่:
ตั้งเป้าสำหรับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่เป็นบวกภายในปี 2573 และกำหนดวิถีศูนย์สุทธิ (net-zero pathway) สำหรับการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 (จากแหล่งที่มาไปยังชั้นวางสินค้า) ให้สอดคล้องกับความคิดริเริ่มที่มีวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน
สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยเพิ่มการใช้น้ำหมุนเวียนและวัสดุเหลือใช้จากการผลิตภายในปี 2573
บรรลุความเท่าเทียมทางเพศในทุกระดับภายในปี 2568
ขยายโครงการการศึกษาชุมชนและอาสาสมัคร
กำหนดอนาคตการทำงานให้กับบริษัทฯ และพนักงาน ผ่านการพัฒนาและขยายโครงการ “Smart Work” ที่ริเริ่มขึ้นในปี 2564
อูริค ซาพิโร่ กล่าวเสริมว่า “เรารู้ดีว่าโลกรอบตัวเรา ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา และโอกาสในการพัฒนาความยั่งยืนนั้นอยู่ในการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเหตุผลที่เราวางแผนที่จะทบทวนและปรับปรุงกรอบเป้าหมายด้านความยั่งยืนในปี 2573+ ด้วยเป้าหมายและความทะเยอทะยานที่จับต้องได้ใหม่ๆ ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้า”