กรมการปกครอง ทลายบ่อนใหญ่บางปะอิน รวบนักพนัน 122 คน

ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายสิรภพ นิยมเดช หัวหน้ากลุ่มงานบูรณาการภารกิจพิเศษ,นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการพิเศษสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และนายวัชระ กระเเสร์ฉัตรร์ นายอำเภอบางปะอิน พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จากกองร้อยบังคับการและบริการ ที่ 1 และกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ ที่ 3 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน จำนวน กว่า 60 นาย นำกำลังบุกเข้าทลายบ่อนพนัน ในชุมชนสินทิวาธานี ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีบ่อนการพนันขนาดใหญ่เปิดให้นักพนันทั้งชายหญิง เข้ามาเสี่ยงโชคมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ครอบครัวแตกแยก ผู้ร้องบอกว่า ภรรยาติดพนันจนไม่สนใจครอบครัว หาเงินได้เท่าไรก็นำไปเล่นที่บ่อนจนหมด มีหนี้สินมากมาย  ผู้ร้องแจ้งว่าเจ้าของบ่อน อ้างเคลียร์กับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองแล้ว เล่นพนันได้สบายใจไม่ต้องกลัวโดนจับ จึงขอให้พนักงานฝ่ายปกครองช่วยตรวจสอบและจับกุมปราบปรามตามอำนาจหน้าที่ จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการ”ศรีอโยธยา” ในครั้งนี้

กรมการปกครองได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครองแฝงตัวเป็นสายลับเข้าไปทำการสืบสวน ตามพิกัดในหนังสือร้องเรียน พบว่าบ่อนการพนันตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านสินทิวาธานี ต.สามเรือน อ.บางปะอินจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอาคารชั้นเดียว มีลักษณะปิดทึบทุกด้านคล้ายโกดังเก็บของ สร้างบนพื้นที่ประมาณ 350 ตารางเมตร มีรถยนต์และรถจักยานยนต์จำนวนมากจอดรอบบริเวณบ่อน ทางเข้าบ่อนเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ มีคนเฝ้าประตูทางเข้าบ่อนตลอดเวลา เมื่อสายลับฝ่ายปกครองเข้าไปภายในพบว่าเป็นห้องโถงกว้าง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แบ่งพื้นที่จัดให้มีการเล่นการพนันเป็นสัดส่วน มีทั้งพนันไฮโลว์ จำนวน 1 โต๊ะ พนันไพ่เสือมังกร จำนวน 3 โต๊ะ สล็อตแมชีน  4 ตู้ โดยมีพนักงานในบ่อนคอยให้บริการรับแลกชิปแทนเงินสด มีโต๊ะอาหารและเครื่องดื่มให้บริการภายในบ่อน โดยพบนักพนันกว่า 100 คน กำลังล้อมวงพนันลุ้นผลเสี่ยงทายอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งนักพนันสามารถใช้เงินสดหรือใช้ชิปของบ่อนเข้าวางเดิมพันก็ได้ 

จากนั้น วันต่อมา กรมการปกครองได้ส่งสายลับฝ่ายปกครองเข้าไปทำการสืบสวนที่บ่อนดังกล่าวอีกครั้งก็ยังพบว่ายังเปิดเล่นพนันตามปกติ โดยมีนักพนันในบ่อน จำนวนมากกว่า 100 คน เหมือนเช่นทุกวัน จึงส่งสัญญาณให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าจับกุมทันที  โดยทำการปิดประตูทางออกทุกด้านไม่มีนักพนันคนใดสามารถหลบหนีออกไปได้ 

ภายในบ่อนพบนักพนัน จำนวน 122 คน โดยแบ่งเป็นชาย 49 คน และหญิง 73 คน แบ่งเป็นฝ่ายเจ้ามือ 28 คน ฝ่ายผู้เล่น 94 คน   ผู้เล่นพนันส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และบริเวณใกล้เคียง พบอุปกรณ์การเล่นทั้งไฮโลว์ ไพ่เสือมังกร ตู้สล๊อทแมชีน เงินสดจำนวน 939,070 บาท พบบัญชีเงินหมุนเวียนภายในบ่อนวันละ 1,200,000 – 1,300,000 บาท  ขณะเข้าจับกุมพบว่ามีนายเปี่ยมศักดิ์ กิตติชีวเวช และนายอาชวิน อ่ำปรีดา เป็นผู้ดูแลบ่อนการพนัน แต่ทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ

จึงนำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอบางปะอิน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ดำเนินคดีตามกฎหมาย  ทั้งนี้ เจ้าพนักงานชุดจับกุมจะได้ประสานสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการขยายผลตามกฎหมายการฟอกเงินต่อไป

นายสิรภพ นิยมเดช เปิดเผยว่าบ่อนแห่งนี้เปิดเล่นพนันใจกลางชุมชน ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย  ซึ่งจากคำร้องเรียนพบว่าภรรยายได้นำเงินในครอบครัวไปเล่นพนันจนหมด เมื่อเงินหมดแล้วก็ยังไม่เลิก จะไปเล่นอีกเพื่อเอาเงินคืน  โดยไม่ใส่ใจคนในครอบครัว ถือว่าบ่อนเป็นต้นเหตุของปัญหาครอบครัวแตกแยกส่งผลให้มีปัญหาสังคมขยายลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทุกครั้งที่มีการจับกุม เราได้เน้นย้ำเสมอ ขอให้ประกอบธุรกิจให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมเกินควร หรือท้าทายกฎหมายอย่างชัดแจ้ง 

หากประชาชนมีเบาะแสบ่อนการพนันหรือแหล่งอบายมุขสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองในท้องที่ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบยังไม่มีการปฏิบัติ สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย 

ที่ผ่านมามีข่าวสารว่า มีมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง หรืออ้างเป็นนายหน้าตัวแทน ออกตระเวนตบทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์จากบ่อนการพนัน และธุรกิจสีเทาต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจบางส่วนยอมที่จะจ่ายทรัพย์สินแก่กลุ่มมิจฉาชีพ

ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองขอประกาศให้ทราบว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองไม่มีนโยบายในการเรียกทรัพย์สินกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจผิดกฏหมายเพื่อรับเคลียร์ใดๆ ทั้งสิ้น

โปรดอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่กล่าวอ้างว่าเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง หรือเป็นตัวแทนของชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง

หากผู้ประกอบการผิดกฎหมายรายใดยอมที่จะจ่ายหรือเคลียร์กับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว ซึ่งอ้างตัวว่าเกี่ยวข้องกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และหากมีข่าวสารออกมาว่าเคลียร์กับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองแล้ว ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองจะเข้าจับกุมสถานประกอบการนั้นทันที

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *