เดซติเนชั่น แคปปิตอล เปิดตัวธุรกิจร่วมลงทุน ซื้อกิจการโรงแรม หวังฟื้นฟูวิกฤตท่องเที่ยวไทย

      สร้างพอร์ตบริหารโรงแรมสี่ดาว เพื่อพัฒนาสินทรัพย์โรงแรมสร้างมูลค่าเพิ่ม

•    ตั้งเป้าลงทุน 12-15 แห่งในอีก 18เดือนข้างหน้า มูลค่าเงินลงทุนแต่ละโครงการประมาณ 
          1.5 พันล้านบาท 
 

•    เน้นกลยุทธ์บริหารสินทรัพย์โรงแรมห้าประการ: อัดฉีดเงินทุน ปรับ positioning รีแบรนด์  
          จ้างงานบุคลากรสาขาท่องเที่ยว เปิดธุรกิจดำเนินกิจการอีกครั้ง 

•    ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำด้านลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรมชั้นนำDestination Group 

•    บริหารโดยทีมผู้มีประสบการณ์ในการลงทุนซื้อกิจการโรงแรม ฟื้นกิจการเพิ่มมูลค่าและขาย

    สินทรัพย์โรงแรมโดยมีมูลค่าการตอบแทนสูง

กรุงเทพฯ 16 กรกฎาคม 2563: เดซติเนชั่น แคปปิตอล (Destination Capital) บริษัทเพื่อการลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรม จับมือพันธมิตรพร้อมเข้าลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทในเอเชีย แปซิฟิค โดยในขั้นต้นจะเน้นซื้อโรงแรมในไทยเป็นหลัก เน้นคัดโครงการที่มีศักยภาพ มีการรีโนเวท และมีการปรับปรุงการบริหารและการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการรีแบรนด์ให้ขึ้นเป็นแบรนด์โรงแรมระดับโลก เพื่อช่วยฟื้นฟูการทำรายได้ พร้อมตั้งเป้าช่วยฟื้นฟูธุรกิจบริการและธุรกิจท่องเที่ยวไทย

นายเจมส์ แคพแลน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดซติเนชั่น แคปปิตอล จำกัด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยกลุ่มธุรกิจลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรมชั้นนำ เดซติเนชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า ทางบริษัทกำลังมองหาสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการพัฒนา สร้างผลตอบแทนได้สูง หลังจากที่ได้รับการบูรณะปรับปรุงและปรับตำแหน่งทางการตลาดให้เหมาะสมตามกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทแล้ว โดยสินทรัพย์เป้าหมาย ได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ทขนาดประมาณ 200ห้อง ในทำเลชั้นดีในหัวเมืองใหญ่และจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ทางบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะทยอยซื้อโรงแรมสี่ดาวเข้าพอร์ตให้ได้รวมทั้งสิ้น 12-15 แห่ง ภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า พร้อมใช้ทักษะและประสบการณ์อันยาวนานจากการดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ททั่วโลก รวมถึงการสนับสนุนจาก เดซติเนชั่น กรุ๊ป และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อดึงกองทุนร่วมทุนและกิจการร่วมลงทุนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ให้เข้ามาร่วมลงทุนซื้อสินทรัพย์เป้าหมายและปรับปรุงสินทรัพย์และตำแหน่งทางการตลาดให้เหมาะสมกับตัวโครงการ รวมถึงการบริหารสินทรัพย์โรงแรมทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย

นาย เจมส์ กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ในปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน ถึงแม้ว่าตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2563 ล่าสุดจะลดลงเหลือเพียง 8 ล้านคน และ 7 ล้านคนจากจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนประเทศไทยตั้งแต่ก่อนปิดน่านฟ้าเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม ซึ่งธุรกิจการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติการณ์โรคระบาดในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ซึ่งพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 18% ของจีดีพี วิกฤติในครั้งนี้จึงส่งผลให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นนับล้านคนและโรงแรมจำนวนหลายพันห้องจำต้องปิดกิจการ ส่งผลให้เกิดความต้องการแหล่งเงินทุนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเปิดกิจการได้อีกครั้ง รวมถึงสามารถจ้างงานบุคลากรที่ถูกเลิกจ้างไปก่อนหน้านี้ ตลอดจนใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไปได้ภายใต้ภาวะซบเซา

“ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะยืดเยื้อไปจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้งานได้และธุรกิจการบินสามารถกลับเปิดเส้นทางการบินได้เป็นปกติ แต่ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะยังคงอยู่ในสภาพซบเซาและใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการฟื้นตัว จากวิกฤติการณ์ในอดีตที่มีผลกระทบการท่องเที่ยวไทยมาหลายต่อหลายครั้ง จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวไทยสามารถที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ และยังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกรอบ อีกทั้งยังสามารถยืนหยัดต้านแรงเสียดทานจากวิกฤติต่างๆ ได้ดีขึ้น เราจึงเชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งเช่นเคยซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี จึงจะกลับคืนสู่ภาวะฟื้นตัวเต็มที่” 

“โดยจะใช้ทรัพยากรทั้งหลายที่มีอยู่จากความเชี่ยวชาญของเราที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาอย่างยาวนาน เข้ามาใช้ในการปรับปรุงกิจการเหล่านี้ให้กลายเป็นสินทรัพย์ชั้นดี และพร้อมดำเนินกิจการให้ได้ทันกับช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ซึ่งทีมผู้บริหารของบริษัทมีความพร้อมทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทอย่างครบถ้วนทุกมิติ โดยทางทีมมีผลงานในการฟื้นฟูกิจการโรงแรมในประเทศไทยมายาวนานกว่า 24 ปี ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะกลาง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท” นายเจมส์ กล่าวทิ้งท้าย

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *