อาลีบาบา กรุ๊ปตั้งเป้าลงทุนเพิ่มผ่านเทคโนโลยีสำหรับลดการปล่อยคาร์บอน ปูทางสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
รายงานการลดการปล่อยคาร์บอน “ก้าวสู่ยุคไร้คาร์บอน” ประจำปี 2564 (Moving Forward to a Zero-Carbon Era) เน้นเรื่องโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีโดยอาลีบาบา สนับสนุนพฤติกรรมรักษ์โลกและลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน
“การลดการปล่อยคาร์บอนต้องอาศัยเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในแต่ละวันของมนุษย์ อาลีบาบา กรุ๊ป ยึดมั่นในพันธกิจดังกล่าวและเราได้วางโร้ดแมปเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน เราเชื่อว่าการที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน เราจึงทำงานร่วมกับพันธมิตรธุรกิจและสังคมในวงกว้าง เพื่อให้โครงการประสบผลสำเร็จโดยเร็ว” หลี่ เฉิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว
นับเป็นครั้งแรกที่อาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศพันธกิจหลัก 3 ประการ อย่างชัดเจน เพื่อประเมินเทคโนโลยีลดคาร์บอนของบริษัทฯ ประการแรก อาลีบาบาตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอน ประการที่สอง อาลีบาบาจะร่วมมือกับบริษัทในเครือและพันธมิตร และประการสุดท้าย อาลีบาบาจะใช้แพลตฟอร์มของบริษัทฯ เพื่อขอความร่วมมือจากผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มกว่าร้อยล้านคน
ความยั่งยืนเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ ในประเทศจีน สำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา ตั้งเป้าจะบรรลุจุดสูงสุดของการลดการปล่อยคาร์บอนในปี 2573 จนเหลือการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2603
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนกับธุรกิจในเครือ อาทิ ศูนย์ข้อมูลคลาวด์ คอมพิวติ้งในหังโจวมีการใช้ระบบระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งพบว่าช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 70 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงในแต่ละปี ส่วนศูนย์ข้อมูลอาลีบาบาในเมืองเหอหยวน มณฑลกวางโจว มีการใช้ระบบระบายความร้อน เพื่อให้ระบบปฏิบัติการเป็นพลังงานสะอาด 100% ภายในปีหน้า
อาลีบาบา กรุ๊ป ใช้เทคโนโลยีเพื่อจูงใจพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าในการบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น DingTalk แพลตฟอร์มดิจิทัลของอาลีบาบา เริ่มปรับเปลี่ยนออฟฟิศแบบดั้งเดิมไปเป็นออฟฟิศที่งดการใช้กระดาษ ในขณะที่ไช่เหนียว เครือข่ายโลจิสติกส์ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป มีการใช้ฉลากอิเล็กทรอนิกส์บนบรรจุภัณฑ์และอัลกอริทึมในการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับขนาดสินค้า ซึ่งเป็นลดการเกิดขยะที่ไม่จำเป็นให้กับคู่ค้าอีกด้วย
เมื่อการสร้างสังคมยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย อาลีบาบา กรุ๊ปจึงใช้เทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นการบริโภค เช่น การส่งเสริมให้ลูกค้าลดการใช้ช้อนส้อมเวลาสั่งอาหาร takeaway การคิดเงินโดนไม่ใช้กระดาษและใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์กับห้างสรรพสินค้าในเครือ รวมไปถึงการสนับสนุนการรีไซเคิลสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสมือสอง
ในปี 2564 นี้ อาลีบาบาออกตราสารหนี้ระยะยาว 20 ปี มูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 31,207 ล้านบาท) รายได้จากการระดมทุนจะเป็นงบประมาณในโครงการตามภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ อาคารประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า พลังงานหมุนเวียน เศรษฐกิจหมุนเวียนและการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 นับเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตบริษัทแรกในเอเชียที่มีการออกตราสารหนี้ระยะยาว
โครงการเพื่อความยั่งยืนที่ริเริ่มโดยอาลีบาบา กรุ๊ป ได้แก่:
· ในปี 2563 ศูนย์ข้อมูลอาลีบาบา คลาวด์มีการใช้พลังงานสะอาด 410 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 266% นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 300,000 ตัน ซึ่งลดลงจากพี่ก่อนหน้าถึง 127% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
· DingTalk ลดการปล่อยคาร์บอน 11 ล้านตัน โดยการลดการใช้กระดาษ เทียบเท่ากับพื้นที่ทะเลทราย 6,300 ตารางกิโลเมตร
· เอ้อเล่อหม่า แพลตฟอร์มบริการเดลิเวอรี่และบริการจัดส่งสินค้าท้องถิ่น ส่งสินค้าโดยปราศจากช้อนส้อมและตะเกียบใช้แล้วทิ้งถึง 400 ล้านครั้ง ซึ่งลดการปล่อยคาร์บอน 6,400 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 357,000 ต้น
· ไช่เหนียวจัดตั้งศูนย์กลางรีไซเคิล 80,000 สาขาใน 315 เมือง ทั่วประเทศจีน และนำกล่องกระดาษแข็งกลับมาใช้ใหม่ถึง 100 ล้านกล่อง
· Idle Fish มาร์เก็ตเพลสขายสินค้ามือสองของอาลีบาบา กรุ๊ป มีผู้ใช้มากถึง 300 ล้านคน มีการรีไซเคิลเสื้อผ้า 50,000 ตัน หนังสือ 23.7 ล้านเล่ม โทรศัพท์มือถือ 3.66 ล้านเครื่องและเครื่องใช้ไฟฟ้าอีก 1.45 ล้านชิ้นภายใน 4 ปีที่ผ่านมา